ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผชิญกับความพ่ายแพ้เชิงนโยบายอีกครั้ง หลังศาลสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันพุธ (19 กรกฎาคม) ว่าคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจาก 6 ประเทศไม่สามารถบังคับใช้กับ “ปู่-ย่า-ตา-ยาย” และญาติใกล้ชิดอื่นๆ ของผู้ที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ ได้
ศาลสูงสุดยอมรับคำวินิจฉัยของผู้พิพากษาศาลรัฐฮาวายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตีความคำว่า “ญาติใกล้ชิด” แคบเกินไป ในการออกคำสั่งห้ามพลเมืองมุสลิมจาก 6 ประเทศเดินทางเข้าอเมริกา ซึ่งได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน
ศาลยังรับรองการตีความของผู้พิพากษา เดอร์ริค วัตสัน ที่ระบุว่า ญาติใกล้ชิดนั้นหมายรวมถึง ปู่-ย่า-ตา-ยาย, หลาน (ของปู่ย่าตายาย), หลาน (ของลุงป้าน้าอา) และลูกพี่ลูกน้อง ของผู้ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ดี ศาลสูงสุดได้ยับยั้งคำพิพากษาของ วัตสัน ซึ่งให้ผู้ลี้ภัยที่มีความสัมพันธ์กับองค์กรตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ 120 วัน
คำสั่งศาลสูงสุดจะมีผลบังคับ “ชั่วคราว” ระหว่างที่ศาลอุทธรณ์กำลังไต่สวนประเด็นเหล่านี้
อันที่จริงแล้วศาลสูงสุดก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาด้วย เนื่องจากได้มีคำพิพากษาเมื่อปลายเดือน มิถุนายน ว่าคำสั่งห้ามเดินทาง 90 วันของ ทรัมป์ ที่มุ่งสกัดภัยคุกคามด้านความมั่นคง สามารถบังคับใช้ได้อย่างกว้างๆ กับพลเมืองมุสลิมจาก 6 ประเทศ “ที่ไม่มีความสัมพันธ์โดยสุจริต (bona fide) กับบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐอเมริกา”
หลังจากนั้นไม่กี่วัน รัฐบาลทรัมป์ก็ออกมาตีความคำสั่งศาลว่าเฉพาะ “ญาติใกล้ชิด” เท่านั้นที่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งหมายถึงบิดามารดา, คู่สมรส, บุตร-ธิดา, เขย-สะใภ้, พี่น้อง, พี่น้องต่างบิดา-มารดา และพี่น้องที่เป็นลูกติดของบิดา-มารดาของผู้ที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ เท่านั้น
ฮาวายเป็นหนึ่งในหลายรัฐที่ต่อต้านคำสั่งแบนชาวมุสลิมซึ่ง ทรัมป์ ประกาศครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคม โดยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลว่า ปู่-ย่า-ตา-ยาย และหลานของปู่-ย่า-ตา-ยายถือเป็น “ญาติใกล้ชิด” ไม่ว่าจะวัดกันด้วยมาตรฐานใดๆ ก็ตาม
ดัก ชิน อัยการสูงสุดรัฐฮาวาย ออกมาแสดงความชื่นชมคำพิพากษาของศาลสูงสุดเมื่อวันพุธ (19) “นี่เป็นการยืนยันว่ารัฐบาล ทรัมป์ ทำเกินกว่าเหตุ โดยพยายามที่จะแยกคนในครอบครัวออกจากกัน”
ด้าน ส.ว.ริชาร์ด บลูเมนธัล จากพรรคเดโมแครต ซึ่งประกาศจุดยืนคัดค้านคำสั่งแบนมุสลิมมานาน เรียกร้องให้ศาลอุทธรณ์เพิ่มข้อยกเว้นให้แก่ผู้ลี้ภัย เหมือนเช่นที่ วัตสัน ขยายขอบเขตการตีความคำว่า “ญาติใกล้ชิด” สำหรับผู้เดินทางชาวมุสลิม
“ศาลทำถูกต้องแล้วที่ใช้สามัญสำนึกตีความสมาชิกในครอบครัวให้รวมถึงปู่ย่าตายาย และญาติสนิทอื่นๆ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับการยกเว้นจากคำสั่งแบน… ผมหวังว่าสามัญสำนึกเช่นนี้จะโน้มน้าวให้ศาลอุทธรณ์ยอมออกคำพิพากษายกเว้นให้แก่ผู้ลี้ภัยที่มีความสัมพันธ์กับองค์กรตั้งถิ่นฐานซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย” เขากล่าว