สิงคโปร์ได้ประธานาธิบดีหญิงคนแรก เข้าวินแบบไม่ต้องเลือกตั้ง

สิงคโปร์แต่งตั้งอดีตประธานรัฐสภาวัย 63 ปี ฮาลิมะห์ ยะก๊บ(Halimah Yacob) ขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ และเป็นเพียงคนเดียวที่ผ่านคุณสมบัติจากผู้สมัครเชื้อสายมาเลย์ สาบานตนรับตำแหน่งทันที

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันอังคาร(12 กันยายน) สิงคโปร์จะได้ประธานาธิบดีใหม่ในวันพุธ(13 กันยายน) แต่ทว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

ทั้งนี้พบว่าในวันจันทร์(11) คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดีสิงคโปร์ได้ประกาศรับรองฮาลิมะห์ ยะก๊บ(Halimah Yacob) อดีตประธานรัฐสภาสิงคโปร์เชื้อสายมาเลย์ วัย 63 ปี ว่าเป็นผู้สมัครเพียงหนึ่งเดียวที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้ารับสมัครการเลือกตั้งตำแหน่งประมุขทางพิธีการของประเทศคนที่ 8 ได้ เนื่องมาจากผู้สมัครรายอื่นไม่ผ่านคุณสมบัติ ทำให้ไม่ต้องมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ทั้งนี้พบว่าตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์ส่วนใหญ่นั้นเกี่ยวข้องกับพิธีการ แต่ทว่าประธานาธิบดียังคงมีอำนาจอนุญาตการสอบสวนคดีคอร์รัปชันด้วย ซึ่งอำนาจทางบริหารทั้งหมดตกอยู่ในมือของ นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง หัวหน้าพรรค People’s Action Party ลูกชายลี กวนยู บิดาผู้ก่อตั้งสิงคโปร์ และยังเป็นพรรคต้นสังกัดของนางฮาลีมะห์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์(11) ฮาลิมะห์กล่าวว่า “ดิฉันได้แต่กล่าวได้ว่า ดิฉันให้สัญญาที่จะทำให้ดีที่สุดในฐานะที่ดิฉันได้รับใช้ประชาชนสิงคโปร์ และนั่นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่” ซึ่งในสโลแกนหาเสียง “Do Good, Do Together” หรือ “ทำดี ทำร่วมกัน”

นอกจากนี้คณะกรรมการเลือกตั้งประธานาธิบดียังได้กำหนดคุณสมบัติประธานาธิบดีสิงคโปร์คนใหม่ โดยได้มีการระบุว่า สำหรับผู้ที่ต้องการลงรับสมัครรอบใหม่ และมาจากภาคเอกชน บุคคลผู้นั้นต้องดำรงตำแหน่งระดับบริหารในบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (4,500 ล้านบาท)

โดยในการเปิดรับสมัครมีผู้ลงแข่งขันของฮาลิมะห์ 4 คน โดยมี 2 คนที่มาจากเชื้อสายมาเลย์ ซึ่ง 1 ใน 2 คู่แข่งเชื้อสายมาเลย์คือ โมฮาเหม็ด ซัลเลห์ มาริกัน(Mohamed Salleh Marican) ซีอีโอบริษัท เซเกินด์ แชนซ์ พร็อพเพอร์ตี(Second Chance Properties) ซึ่งเคยประกาศในนโยบายว่า จะทำการตรวจสอบความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรีลี และพี่น้องของเขาแต่กลับไม่ผ่านคุณสบบัติ

ทั้งนี้ตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์นั้นจะอยู่ในตำแหน่งได้นาน 6 ปี

ความคิดเห็น

comments