สหประชาชาติระบุว่า ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นภายในรัฐยะไข่ “สุดที่จะจินตนาการได้” หลังสมาชิก 3 คนของสหประชาชาติร่วมเดินทางลงพื้นที่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ที่จัดขึ้นสำหรับหน่วยงานความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และนักการทูตต่างชาติ เมื่อวันจันทร์ (2 ตุลาคม) ที่ผ่านมา
กลุ่มนักการทูต 3 กลุ่ม ถูกพาไปยังพื้นที่ต่างกัน 3 แห่ง ตามการเปิดเผยของเย ตุ๊ต ผู้บริหารเมืองหม่องดอ ในรัฐยะไข่ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสัญชาติของนักการทูตที่ร่วมเดินทาง
พม่าไม่อนุญาตให้กลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ผู้สื่อข่าว เดินทางอย่างอิสระไปยังพื้นที่ขัดแย้งเพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ชาวโรฮิงญามากกว่าครึ่งล้านคนได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปยังบังกลาเทศในช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือน นับเป็นวิกฤติผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียในรอบหลายสิบปีมานี้
สหประชาชาติระบุว่าการเดินทางเมื่อวันจันทร์ (2) เป็นความก้าวหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำถึงความจำเป็นที่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมควรเข้าถึงพื้นที่ให้ที่มากยิ่งขึ้น
“ความทุกข์ทรมานของผู้คนนั้นสุดที่จะจินตนาการได้และสหประชาชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งถึงทุกคนที่ได้รับผลกระทบ” สหประชาชาติระบุ และเรียกร้องยุติวัฏจักรความรุนแรงที่เกิดขึ้น
นอกจากเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติแล้ว ยังรวมทั้งนักการทูต และ NGO ต่างประเทศที่ร่วมเดินทางไปด้วย
คณะผู้แทนของสหภาพยุโรปที่ร่วมเดินทางไปยังเมืองหม่องดอและเมืองระตีด่องได้อธิบายในคำแถลงว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่ภารกิจสืบสวน
“เราเห็นหมู่บ้านที่ถูกเผาทำลายและแหล่งอาศัยที่รกร้าง ความรุนแรงต้องยุติลง” คณะผู้แทนของสหภาพยุโรประบุ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการเปิดทางสื่อและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่
กลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศ วิตกว่าชาวโรฮิงญาหลายแสนคนที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ ต้องการอาหาร ยา และที่พัก อย่างเร่งด่วน หลังทหารปฏิบัติการกวาดล้างนานนับเดือน แต่ความช่วยเหลือยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ในขณะนี้