ตำรวจบังกลาเทศช่วยชาวโรฮิงญา 20 คนหลังจากจับกุมแก๊งที่ขนผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งจากพม่าแต่เรียกร้องเงิน 250 ดอลลาร์ต่อคน เป็นค่าโดยสารเรือหนึ่งเที่ยว เจ้าหน้าที่เผยในวันอังคาร (3 ตุลาคม)
กองพันตอบสนองฉับพลัน (Rapid Action Battalion) บุกตรวจหมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนติดกับพม่าเมื่อค่ำวันจันทร์ (2 ตุลาคม) เพื่อปลดปล่อยชาวมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกกักขังที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งวัน พ.ต.รูฮุล อามิน กล่าว
หัวหน้ากองพัน RAB ที่นำปฏิบัติการนี้ที่เขตซาบรังใกล้เมืองคอกซ์บาซาร์บอกกับ AFP ว่า ชาวโรฮิงญา 20 คนนี้เป็นผู้หญิง 7 คน ชาย 7 คน และเด็ก 8 คน
“พวกเขาถูกกักขังอยู่ที่นั่นโดยแก๊งเจ้าของเรือ และลูกเรือที่เรียกร้องเงิน 20,000 ตากา (ราว 250 ดอลลาร์) ต่อคนสำหรับการแล่นเรือ 2 ชั่วโมงจากพม่าเข้าบังกลาเทศ” เขากล่าว
การแล่นเรือระหว่างมองดอและท่าเรือหลักของบังกลาเทศที่เมืองชาปูราดิพปกติจะเสียค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5 ดอลลาร์
อามินกล่าวว่า พวกเขาจับกุมสมาชิกสามคนของแก๊งนี้ฐานค้ากำไรเกินควร
UN ประเมินว่า ชาวมุสลิมโรฮิงญา 507,000 คนหลบหนีจากรัฐยะไข่เข้าสู่บังกลาเทศนับตั้งแต่ 25 สิงหาคมหลังจากเกิดความรุนแรงครั้งล่าสุดในรัฐยะไข่
พวกเขาส่วนใหญ่เดินทางด้วยเรือที่ทรุดโทรมข้ามแม่น้ำนาฟซึ่งถือเป็นชายแดนกั้นระหว่างเขตคอกซ์บาซาร์ของบังกลาเทศ และรัฐยะไข่ของพม่า
ตำรวจกล่าวว่า เหล่าเจ้าของเรือ ลูกเรือ และชาวประมงต่างคิดราคาค่าเดินทางข้ามฝั่งในราคาเกินจริง อามินกล่าวว่า “มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว” นับตั้งแต่การลี้ภัยเริ่มต้นขึ้น
ทางการได้จัดส่งศาลจากการกวาดล้างแก๊งค้ากำไรเกินควรและลงโทษจำคุกคนไปแล้วเกือบ 200 คนเป็นเวลา 6 เดือน
“เราจับกุมนายหน้าได้ 20 คน และปลดปล่อยคนเกือบ 2,000 คนในปฏิบัติการค้นหมู่บ้านริมชายฝั่ง ในการตรวจค้นครั้งหนึ่งเราได้ช่วยชาวโรฮิงญาราว 1,000 คนที่ถูกกักขังในบ้านหกหลัง” อามิน กล่าว
ชาวโรฮิงญาที่หลบหนีไปยังบังกลาเทศกล่าวว่า พวกเจ้าของเรือขูดรีดเงินทุกบาททุกสตางค์จากพวกเขาเป็นค่าเดินทางและขู่ว่าจะโยนพวกเขาออกนอกเรือหากพวกเขาไม่ยอมสละสิ่งของมีค่ารวมถึงทองรูปพรรณต่างๆ
รายงานระบุว่า ชาวโรฮิงญาถูกเจ้าของเรือ และนายหน้ากักขังไว้เป็นเวลาหลายชั่วโมงในหมู่บ้านริมชายฝั่งจนกว่าพวกเขาจะจ่ายเงินค่าเดินทาง
รายงานยังระบุด้วยว่า ชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยถาวรในบังกลาเทศยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการค้ากำไรเกินควรนี้ด้วย
