องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ เผยในวันจันทร์ (23 ตุลาคม) ว่า มีเด็กมากกว่า 1,100 คน ล้มป่วยด้วยภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลัน (ร่างกายขาดสมดุลด้านโภชนาการ) ในเขตฆูตเฎาะห์ตะวันออกดินแดนที่ถูกปิดล้อมโดยระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด และกลุ่มติดอาวุธชีอะห์ รอบนอกเมืองหลวงของซีเรีย หลังจากปรากฏภาพหนูน้อยวัย 34 วัน เสียชีวิตในสภาพร่างกายซูบผอมเหลือแต่กระดูก
จากผลสำรวจเมื่อไม่นานที่ผ่านมา องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า พบเด็ก 1,114 คน ป่วยด้วยภาวะภาวะทุโภชนาการรูปแบบต่างๆ ในนั้นรวมถึงรูปแบบที่อันตรายที่สุด นั่นก็คือ ภาวะทุพโภชนาการรุนแรงเฉียบพลัน
โมนิกา อวาด โฆษกของยูนิเซฟ เผยว่า จากการประเมินในช่วง 3 เดือนหลังสุด พบเด็ก 232 คน ล้มป่วยด้วยภาวะทุพโภชนาการรุนแรงเฉียบพลัน ซึ่งเป็นระดับของการขาดอาหารอย่างรุนแรงที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนหากต้องการให้เด็กมีชีวิตรอด
ส่วนอีก 882 คน ป่วยด้วยภาวะทุพโภชนาการปานกลาง และมากกว่า 1,500 คน อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะป่วยด้วยอาการนี้ “ช่วงเดือนที่แล้ว เราได้รับรายงานมีทารก 2 รายเสียชีวิต เพศหญิงอายุ 34 วัน และเพศชายอายุ 45 วัน เนื่องจากได้รับนมแม่ไม่เพียงพอ” อวาด กล่าว “พวกแม่ๆ เข้าไม่ถึงอาหารที่มีคุณภาพ ทำให้พวกเธออ่อนแอและไม่มีน้ำนมสำหรับป้อนลูก”
ล่าสุด ซาฮาร์ ดอฟดา อายุเพียง 34 วัน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองฮามูเรีย ในเขตฆูตเฎาะห์ตะวันออก เมื่อวันอาทิตย์ (22 ตุลาคม)
ภาพถ่ายซึ่งถ่ายโดยช่างภาพเอเอฟพีเป็นภาพทารกเพศหญิงตาโตคนหนึ่ง ที่ร่างกายซูบผอมเหลือแต่กระดูก มีน้ำหนักไม่ถึง 2 กิโลกรัม ทั้งนี้ เธอพยายามร้องไห้แต่ไม่มีแรงที่จะแปร่งเสียงออกมา
โรงพยาบาลระบุว่า แม่ของทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจนไม่สามารถให้นมหนูน้อยได้ ส่วนพ่อของเด็กซึ่งเป็นพนักงานของร้านขายเนื้อ มีรายได้เพียงน้อยนิด ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อนมและอาหารเสริม
ทารกน้อยเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในตอนเช้าวันอาทิตย์ (22 ตุลาคม) และพ่อแม่ได้นำศพลูกสาวคนเดียวไปฝังที่เมืองคาฟร์ บัตนา ที่อยู่ใกล้ๆ “ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเร่งด่วน” อวาร์กล่าว “พวกเขาต้องการอาหารที่มีคุณภาพ ยารักษาโรคและอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ”
มีประชาชนราว 400,000 คน พักอาศัยอยู่ทั่วฆูตเฎาะห์ตะวันออก หนึ่งในฐานที่มั่นท้ายๆที่เหลืออยู่ของพวกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซีเรีย โดยพื้นที่นี้ถูกกองกำลังติดอาวุธในระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ปิดล้อมมาตั้งแต่ปี 2013 เป็นเหตุให้ขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค ขณะที่ราคาสินค้าที่ผลิตเองในท้องถิ่นหรือลักลอบเข้าไปพุ่งสูง
ด้านขบวนบรรเทาทุกก็ไม่ค่อยไปถึงภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญของประเทศ โดยเมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ขบวนรถบรรทุกอาหารและยารักษาโรคสำหรับประชาชน 25,000 คน ได้เข้าไปใน 3 พื้นที่ปิดล้อมของฆูตเฎาะห์ตะวันออก แต่ อวาร์ด บอกว่า “มันยังไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือเด็กทุกคน”