ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เจ้าชาย สอิ๊ด ราอัด อัล-ฮูเซ็น เตือนเมื่อวันศุกร์ที่(27 ตุลาคม)ผ่านมา ถึงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ทวีความรุนแรงขึ้นในฆุตเฎาะห์ตะวันออก ชานเมืองด้านตะวันออกของกรุงดามัสกัสที่ถูกปิดล้อมมาหลายปีจากกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด และกลุ่มติดอาวุธชีอะห์
AlKhaleejonline รายงานว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การสหประชาชาติได้กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ล้อมรอบของเมืองฆุตเฎาะห์ตะวันออกว่าเป็นสถานการณ์ที่ “ตกตะลึง” และเรียกร้องให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายอนุญาตให้อาหารและยาเข้าสู่พื้นเพื่อช่วยให้ชาวซีเรียที่ถูกปิดล้อมอย่างน้อย 350,000 คน
“ภาพที่น่าตกใจได้เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นเด็กที่ทุกข์ทรมานจากการขาดสารอาหารอย่างเฉียบพลัน” อัล-ฮูเซ็น กล่าว
“นี่เป็นตัวบ่งชี้ที่น่ากลัวว่าชาวฆุตเฎาะห์ตะวันออก กำลังประสบกับวิกฤติ และต้องเผชิญกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกรณีฉุกเฉิน” เขากล่าว
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ระบุว่า พวกเขากำลังเข้าสู่วิกฤติแห่งความหิวในพื้นที่ปกครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย จากผลของการปิดล้อมที่ดำเนินมาหลายปีจากระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด และกองกำลังติดอาวุธชีอะห์
ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติย้ำว่า “ผมเตือนทุกฝ่ายที่ใช้ความหิวโหยของผู้คนเป็นอาวุธ มันเป็ฯการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรืออาชญากรรมสงคราม”