เจ้าหน้าที่ตำรวจบังกลาเทศเผยว่ามีชาวโรฮิงญาเสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน หลังเรือที่โดยสารเกิดพลิกคว่ำนอกชายฝั่งบังกลาเทศ ไม่กี่ชั่วโมงหลังมีเด็กทารกจมน้ำตาย 3 คนในอีกเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน
นับตั้งแต่ 25 สิงหาคม มีชาวโรฮิงญาจมน้ำเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 200 คน จากการเดินทางฝ่าคลื่นทะเลจากพม่ามายังบังกลาเทศ
ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญากว่า 600,000 คน เดินทางหลบหนีออกจากรัฐยะไข่อันเนื่องจากเหตุความรุนแรงที่สหประชาชาติอธิบายว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า เด็กทารก 3 คน ตกลงในน้ำขณะเรือที่โดยสารมาถึงฝั่งของเมืองเทคนาฟในช่วงเย็นของวันจันทร์ (30 ตุลาคม)
“เด็ก 2 คน จาก 3 คนที่เสียชีวิตหล่นลงจากตักแม่ ทั้งหมดมีอายุเพียง 3-10 เดือน” หัวหน้าตำรวจเมืองเทคนาฟ กล่าว
ส่วนเหยื่ออีก 4 ราย จมน้ำเสียชีวิตหลังเรือที่โดยสารเกิดพลิกคว่ำท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายในเช้าวันอังคาร (31 ตุลาคม) ขณะใกล้ถึงชายฝั่งบังกลาเทศ
“เรือลำที่เกิดเหตุคาดว่ามีผู้โดยสารอย่างน้อย 33 คน เรือพลิกคว่ำหลังเจอคลื่นสูง” เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น กล่าว
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มว่า พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ขณะที่ผู้ลี้ภัยอีก 6 ราย ถูกเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส และเสียชีวิตในภายหลัง 3 ราย ขณะที่ผู้ลี้ภัยคนที่เหลือถูกลากขึ้นฝั่ง บางส่วนก็ว่ายขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย
ตำรวจกล่าวว่าเหยื่อเรือล่มล้วนเป็นชาวโรฮิงญาจากเมืองบุติด่องในรัฐยะไข่ของพม่า ที่สหประชาชาติประเมินว่ามีชาวโรฮิงญาหลบหนีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฝั่งพม่าออกมาราว 605,000 คน ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ข้ามพรมแดนทางบกเข้ามาในบังกลาเทศ ที่ค่ายผู้ลี้ภัยล้วนเต็มล้นไปด้วยพลเรือนที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ขณะผู้ลี้ภัยอีกส่วนหนึ่งเลือกเดินทางในเส้นทางอันตรายทางทะเลด้วยเรือประมงที่ไม่แข็งแรงเข้ามาในอ่าวเบงกอลและขึ้นฝั่งบังกลาเทศ
