อดัม ออสมาเยฟ(Adam Osmayev) ชายผู้ถูกกล่าวหาว่า วางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้รับบาดเจ็บ แต่ อามีนะห์ โอคูเยวา(Amina Okuyeva)ภรรยาที่นั่งมาด้วยภายในรถเสียชีวิต หลังถูกซุ่มโจมตีด้วยอาวุธหนักจากกลุ่มที่ต้องสงสัยเป็นตำรวจลับของรัสเซียจนรถพรุนทั้งคันบริเวณชานเมืองกรุงเคียฟวันจันทร์(29 ตุลาคม) ที่ผ่านมา
DW สื่อเยอรมันรายงานเมื่อวันอังคาร(31 ตุลาคม)ว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยยูเครนแถลงในวันจันทร์(29)ว่าอดัม ออสมาเยฟ (Adam Osmayev) และ อามีนะห์ โอคูเยวา(Amina Okuyeva) ถูกยิงจากการซุ่มดักโจมตี่ใกล้กับจุดข้ามทางรถไฟบริเวณชานเมืองกรุงเคียฟ
“เนื่องจากผลของอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับ ทำให้อามีนะห์ต้องเสียชีวิต” อันตอง เกราชเชนโก(Anton Gerashchenko) ที่ปรึกษาประจำกระทรวงมหาดไทยยูเครนกล่าวผ่านแถลงการณ์ทางเฟซบุ๊ก และในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า “ส่วนว่าอดัม ออสมาเยฟได้รับบาดเจ็บ แต่มีชีวิตรอดมาได้ ผมเพิ่งคุยกับเขาทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้”
และในภายหลังโฆษกกระทรวงมหาดไทยยูเครน ยารอสลาฟ ทราคาโล (Yaroslav Trakalo) ได้ยืนยันการเสียชีวิตของอามีนะห์ กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของยูเครน และกล่าวเสริมว่า ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนยูเครนเตรียมที่จะเปิดการสอบสวนฆาตกรรมโดยการไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า
เดอะการ์เดียน รายงานว่า ในการลอบสังหารของอดีตทหารอาสาชาวเชเชน และภรรยาชาวยูเครน เจ้าหน้าที่ข่าวกรองยูเครนเชื่อว่ารัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นเหตุลอบสังหารที่เกิดขึ้นในวันจันทร์(29)
โดยเจ้าหน้าที่ยูเครนชี้ว่า พวกเขาเชื่อว่า อาจเป็นหน่วยตำรวจลับรัสเซีย หรือมือลอบสังหารชาวเชเชนที่รับงานมาจากรัสเซียเป็นผู้ลงมือ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า อดัมได้เข้าร่วมกองกำลังต่างชาติ ที่มีนักรบส่วนใหญ่เป็นชาวเชเชนเพื่อร่วมมือกับกองกำลังเนชันแนลการ์ดยูเครนที่ทางภาคตะวันของประเทศ รบกับกลุ่มแบ่งแยกยูเครนที่รัสเซียให้การสนับสนุน ส่วนภรรยาได้ร่วมสู้ในหน่วยรบนี้ด้วยเช่นกัน
เป็นที่น่าสนใจว่า ผู้บัญชาการรบของหน่วยรบเชเชน อีซา มูนาเยฟ(Isa Munayev) ถูกสังหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และอดัม ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นผู้นำหน่วยหลังจากนั้น
ซึ่งอดีตสมาชิกหน่วยรบเชเชนรับงานจากรัสเซียร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกปี 2014-2015 ได้กล่าวว่าพวกเขาเดินทางไปที่นั่นด้วยความหวังที่จะสังหาร อีซา มูนาเยฟ ให้ได้ ในขณะอดัม และอามีนะห์ ซึ่งเป็นแกนนำระดับสูงของกลุ่มนักรบเชเชนที่อยู่ตรงข้ามรัสเซีย ต่างรู้อยู่แก่ใจว่า คนทั้งคู่ตกเป็นเป้าหมายการลอบฆ่าด้วยเช่นกัน
DW ระบุว่า อดัม ออสมาเยฟ นั้นเป็นที่รู้จักไปทั่ว และเป็นที่ต้องการตัวของผู้นำรัสเซียมาเป็นเวลานานหลายปี หลังจากชายผู้นี้มีความเชื่อมโยงกับแผนการวางระเบิดเพื่อลอบสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในปี 2012 และชายผู้นี้ถูกจำคุกในเรือนจำยูเครนนาน 2 ปีครึ่ง แต่ถึงจะได้รับการกดดันจากรัสเซียให้ส่งตัวชายผู้นี้ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปรัสเซีย แต่ทว่าทางการยูเครนก็ไม่ได้ส่งตัวให้ตามที่รัสเซียต้องการ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในการลอบสังหารเมื่อวันจันทร์(29) พบว่า คนทั้งคู่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองกรุงเคียฟ โดยระหว่างทางได้พบกลุ่มมือคนร้ายเปิดฉากกราดยิงที่รถของพวกเขา ซึ่งมีรายงานว่าอาวุธที่ใช้คือ “ปืนไรเฟิล AK-47”
จากสภาพศพพบ อามีนะห์ ถูกกระสุน 2 นัดฝังบริเวณศรีษะเสียชีวิต แต่ อดัม ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงกับชีวิต
ซึ่ง อดัม กล่าวให้สัมภาษณ์กับทีวียูเครนจากเตียงคนไข้ว่า “ผมพยายามขับให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้จนกระทั่งรถหยุดลง พบว่าเครื่องยนต์ถูกยิงด้วยเช่นกัน ผมพยายามที่จะให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่เธอ แต่ทว่าเธอถูกยิงที่ศรีษะ” อดัม ออสมาเยฟ ให้สัมภาษณ์
DW รายงานว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ครอบครัวนี้ตกเป็นเหยื่อการลอบสังหาร พบว่าก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ของปีนี้ อดัมก็เคยถูกลอบสังหาร แต่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งในขณะนั้นอามีนะห์ผู้เป็นภรรยาได้ยิงต่อสู้กับคนร้ายเพื่อปกป้องสามีไว้ได้ทันท่วงที
การลงมือก่อเหตุกับอดัม และอามีนะห์ในต้นสัปดาห์นี้ เกิดขึ้นหลังเหตุร้ายในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า(26) ที่มีระเบิดเกิดขึ้นกลางกรุงเคียฟ สังหารคนไป 2 คน และทำให้อีก 3 คนบาดเจ็บ ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกรัฐสภายูเครนจากพรรคชาตินิยมยูเครน อีฮอร์ โมซีย์ชัค(Ihor Mosiychuk) ทั้งนี้พบว่า โอคูเยวาเคยทำงานให้นักการเมืองยูเครนมาก่อน โดยทำงานให้ในตำแหน่งที่ปรึกษา
ซึ่งทางโมซีย์ชัคได้ออกมาประณามว่า รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนี้
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยยูเครน เกราชเชนโก กล่าวในวันอังคาร(31)ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า พิธีญะนาซะห์ของอามีนะห์ โอคูเยวา จัดแบบเรียบง่ายตามหลักศาสนา “อามีนะห์เฉียดความตายมาหลายครั้งแล้ว และได้ร้องขอให้ทางครอบครัวของเธอเลี่ยงการจัดพิธีศพที่ใหญ่ และเอิกเกริกทางสาธารณะเพื่อเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ”