คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลพม่ารับประกันว่าจะไม่มีการใช้กำลังทหารเกินกว่าเหตุในรัฐยะไข่ ที่ความรุนแรงบังคับให้ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 600,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากประเทศ
ก่อนหน้านี้สหประชาชาติได้กล่าวประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วง 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเป็นตัวอย่างของการกวาดล้างชาติพันธุ์
คณะมนตรีได้แสดงความวิตกต่อรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนในชุมชนชาวโรฮิงญา และเรียกร้องให้รัฐบาลพม่ารับประกันว่าจะไม่มีการใช้กำลังทหารที่มากเกินความจำเป็นในรัฐยะไข่ ฟื้นฟูการบริหารโดยพลเรือน ดำเนินการตามหลักนิติธรรม และดำเนินการตามพันธะและคำมั่นที่จะเคารพต่อสิทธิมนุษยชน
“คณะมนตรีความมั่นคงเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบหลักของรัฐบาลพม่าในการปกป้องคุ้มครองประชาชน รวมทั้งการเคารพหลักนิติธรรม และเคารพ ส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน” คำแถลงของคณะมนตรีความมั่นคง ระบุ
คำแถลงยังย้ำถึงความสำคัญของการสอบสวนอย่างโปร่งใสต่อข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยระบุว่ารัฐบาลพม่าต้องให้ความร่วมมือกับคณะทำงาน กลไก และเครื่องมือของสหประชาชาติ
พม่าปฏิเสธคำขอเข้าประเทศของคณะทำงานของสหประชาชาติที่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิหลังเหตุการณ์การตอบโต้ทางทหารที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559
คณะมนตรีความมั่นคงยังเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าอนุญาตให้สื่อและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่ได้โดยทันที อย่างปลอดภัย และไม่จำกัด และขอให้เลขาธิการสหประชาชาติรายงานสถานการณ์ภายใน 30 วัน
