มุสลิมศรีลังกายังหวาดกลัว หลังการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรง

Muhammad Abrar ยังคงอยู่ในความหวาดกลังแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเกือบสัปดาห์ หลังจากบ้านของเขาในหมู่บ้าน Ampitiya ตั้งอยู่ในเมือง Ginthota ทางตอนใต้ของศรีลังกา ถูกโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรง Sinhalese-Buddhist

อัลญะซีเราะห์รายงานว่า Muhammad Abrar ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัน 17 พฤศจิกายน ได้เป็นอย่างดีในช่วงเย็นหลังจากที่เขากำลังกลับจากละหมาดอัสริ ในเวลาใกล้จะค่ำ มีคนบอกว่าบ้านของเพื่อนบ้านถูกโจมตี

“การโจมตีครั้งแรกที่บ้านเราคือการใช้ก้อนอิฐขว่างใส่ที่หน้าต่าง” Muhammad Abrar ผู้มีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก (รถสามล้อ) รับจ้างกล่าว

“กลุ่มม็อบประมาณ 150-200 คน มีเหล็ก และสิ่งของต่างๆ ที่หยิบมาเป็นอาวุธ พวกเขาทุบประตูรถของเรา และเข้ามาเทน้ำมันบนรถตุ๊กตุ๊กของผม และจุดไฟเผามัน”

ตุ๊กตุ๊กที่ถูกเผายังคงจอดอยู่หน้าบ้านของเขาด้วยความหวังอันน้อยนิดที่จะสามารถซ่อมมันให้กลับมาเป็นเครื่องมือหาเลี้ยงครอบครัวได้อีกครั้ง บ้านที่เคยเป็นสีชมพู ตอนนี้มันกลายเป็นสีดำจากการเผาไหม้ และเขม่า ส่วนหลังคายุบตัวลงมาเนื่องจากไม้ที่เป็นโครงสร้างของหลังคาถูกเผา

ความตกใจ และหวาดกลัว ได้เกิดขึ้นกับชุมชนมุสลิมในเมือง Ginthota ที่อยู่ห่างเพียง 7 กิโลเมตรจากเมืองท่องเที่ยวสำคัญของประเทศในอ่าวเบงกอล

บ้านเรือนประชาชน และร้านค้าที่ถูกเผา ยังคงเหลือไว้เป็นหลักฐานของความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่นี่

เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยปฎิบัติการพิเศษ (STF) ถูกส่งเข้าในพื้นที่หลังจากเกิดเหตุรุนแรงซึ่งกระจายอยู่ทั่วหลายเขตการปกครองในเมือง Ginthota

ชาวบ้านกล่าวว่ามีการโต้เถียงเรื่องอุบัติเหตุทางถนนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างการโจมตีกลุ่มชาวพุทธ และเยาวชนมุสลิม

กลุ่มผู้ก่อเหตุมีเป้าหมายโดยตรงที่ชุมชนมุสลิม มีบ้านนับสิบหลังถูกเผาทำลาย และมัสยิดอย่างน้อย 2 แห่งที่ได้รับความเสียหายในการลอบวางเพลิง

ความตึงเครียดในศรีลังกาดินแดนที่ชนส่วนใหญ่เป็นฮินดู เพิ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยที่ก่อนหน้านี้กลุ่มชาวพุทธได้บุกโจมตีอาคารของสหประชาชาติโดยอ้างว่าต้องการขับไล่โรฮิงญาที่สหประชาชาติให้พักอยู่ข้างในเพื่อรอการลี้ภัย ขณะที่ก่อนหน้านั้นในเดือนมิถุนายนบ้านเรือนของชาวมุสลิม และห้างร้านก็ถูกโจมตีในลักษณะที่คล้ายกับเหตุล่าสุด

Mohammed Faizal เลขาธิการสมาคมเยาวชนมุสลิมแห่ง Ginthota บอกว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นใหม่เกิดขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนระหว่างสตรีมุสลิม และชาวพุทธ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาระงับเหตุไม่ให้บานปลายออกไปในเวลานั้น

“วันที่ 17 พฤศจิกายนสถานการณ์ยังคงสงบ เราไปละหมาดวันศุกร์ตามปกติ แต่วันนั้นมีตำรวจจำนวนมาก พร้อมหน่วยปฎิบัติการพิเศษ STF ถูกส่งเข้าพื้นที่” Faizal กล่าว

Faizal เล่าต่อว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคืนเดียวกันนั้น เนื่องจากขาดมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่งผลให้สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุม

Manusha Nanayakkara สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขต Galle เสริมว่า “การถอนตัวของหน่วยปฎิบัติการพิเศษ STF เป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรง ที่เอื้อต่อกลุ่มความรุนแรงให้ก่อเหตุขึ้น”

“เหตุการณ์นี้ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเนื่องจากปัญหาระหว่างกลุ่มสิงหล(ชนกลุ่มน้อยที่ส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ) และชาวมุสลิม แต่ทั้งสองฝ่ายต่างโทษกันไปมาจากอุบัติเหตุเล็กน้อยบนถนน” นาย Manusha Nanayakkara กล่าว

พร้อมเสริมว่าควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการสันติภาพขึ้นในพื้นที่ ที่ต้องประกอบด้วยผู้แทนจากมัสยิด แลวัดในหมู่บ้านเพิ่มป้องกันไม่ให้มีการโจมตีเกิดขึ้นอีก”

Ruwan Gunasekera โฆษกตำรวจ กล่าวว่าตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 22 คน ขณะที่มีรายงานผู้ก่อเหตุมากถึง 127 ราย

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ทำให้หวนนึกถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมือง Aluthgama เมื่อปี 2014 ที่ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน

Muhammad Yasir บอกกับอัลจาซีราว่าเขาอยู่ที่บ้านพร้อมกับภรรยาและลูกสาว 2 คนเมื่อกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 50 คนเริ่มโจมตีหมู่บ้านของเขา

“รถจักรยานยนต์ของผมถูกลากไปที่ถนน และเผา จากนั้นกลุ่มเยาวชน 5 คนได้บุกเข้ามาทำลายประตู และบ้านของเรา” Yasir กล่าว “พวกเขายังได้ขโมยของมีค่าที่รวมถึงเครื่องเพชรระหว่างที่บุกเข้ามาในบ้านด้วย”

นักธุรกิจมุสลิมในพื้นที่อธิบายว่าร้านค้า และเงินออมตลอดชีวิตของพวกเขาถูกทำลายจากการโจมตี

ชาวมุสลิมใน Ginthota และทั่วประเทศในแถบประเทศหมู่เกาะแห่งนี้มีอยู่ราว 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอาศัยกำลังอยู่ในความหวาดกลัว และผู้บาดเจ็บที่เป็นผู้หญิง และเด็ก ๆ จำนวนมากไม่ไม่กล้ากลับเข้าบ้านของตน

Galogodaththe Gnanasara พระภิกษุหัวรุนแรงในกลุ่ม Bodu Bala Sena (BBS) ซึ่งเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการโจมตีต่อต้านชาวมุสลิมใน Aluthgama ได้ระดมเยาวชนประมาณ 500 คนที่มาชุมนุมกันที่วัดตามข้อเรียกร้องของข่าวเท็จที่แพร่กระจายผ่านสื่อสังคมออนไลน์

รายงานจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งระบุถึงแกนนำม็อบดังกล่าวที่โอ้อวดว่า “เขาสามารถควบคุมการนองเลือดได้ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง”

ตำรวจบอกว่าสาเหตุของความรุนแรงมาจากการปล่อยข่าวเท็จบนโลกออนไลน์ว่ามุสลิมกำลังวางแผนโจมตีวัด

ประชาชนในท้องถิ่นหลายคนบอกกับอัลญะซีเราะห์ว่ากลุ่มคนร้ายเหล่านี้รวมถึงผู้คนจากภายในหมู่บ้าน และคนต่างถิ่น แต่ชาวบ้านคนหนึ่งที่เป็นชาวสิงหล และไม่ได้เข้าร่วมกับการโจมตีชาวมุสลิมในหมู่บ้าน Sunil Gamage บอกว่าบ้านของเขาก็ถูกโจมตีด้วย

“ชาวมุสลิมและชาวสิงหลในพื้นที่นี้อาศัยอยู่ในความสงบและไม่มีปัญหาระหว่างเรา” ชาวสิงหลรายดังกล่าวบอกกับอัลญะซีเราะห์

เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ STF กำลังลาดตระเวนตามถนนซึ่งบ้านส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากเหตุรุนแรง ประตูบ้านพัง หน้าต่างได้รับความเสียหาย

Muhammad Fahim พ่อของเด็กหนุ่ม 4 คนที่ประกอบอาชีพจำหน่ายอิฐเพื่อการก่อสร้าง บอกว่ารถส่งอิฐของเขาถูกเผา

Fahim อธิบายทั้งน้ำตาว่าโรงงานผลิตอิฐของเขาได้รับความเสียหาย และมีอิฐ 800 ก้อนที่พร้อมจำหน่ายถูกทำลาย

Fahim ไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร “ผมไม่เคยขัดแย้งกับใครไม่ว่าจะชาวสิงหลหรือชาวมุสลิม” เขากล่าว

ความคิดเห็น

comments