แกนนำกลุ่มประเทศสันนิบาตอาหรับเรียกการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลว่าเป็นการประทำที่ “เป็นอันตรายแ ละไม่เป็นที่ยอมรับ” และเป็น “การโจมตีทางการเมืองอย่างชัดแจ้ง” ต่อความขัดแย้งของอิสราเอลกับปาเลสไตน์
แถลงการณ์ของ Ahmed Aboul-Gheit เลขาธิการกลุ่มสันนิบาตอาหรับได้กล่าวในการเริ่มต้นของการประชุมฉุกเฉินของรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 22 รัฐอาหรับในเมืองหลวงของอียิปต์กรุงไคโรเมื่อวันเสาร์
Aboul-Gheit กล่าวว่าการตัดสินใจของทรัมป์ คือ “ต่อต้านกฎหมายระหว่างประเทศ และตั้งคำถามเกี่ยวกับความพยายามของอเมริกันเพื่อสนับสนุนสันติภาพ” ระหว่างปาเลสไตน์ และอิสราเอล
การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐ “บั่นทอนความเชื่อมั่นของชาวอาหรับ” ภายใต้การบริหารของทรัมป์ และการตั้งมั่นบนความ “ถูกต้องตามกฎหมาย” ในการยึดครองปาเลสไตน์ของอิสราเอล
ผู้นำจากทั่วโลกได้แสดงความคิดเห็นคล้าย ๆ กัน ในวันก่อน และหลังการประกาศของทรัมป์เมื่อวันพุธ (6 ธันวาคม) ที่ให้การรับรองกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และประกาศย้ายสถานทูตไปยังที่นั่น
ผู้นำทั่วโลกการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการสร้างสันติภาพ
ในระหว่างการประชุมฉุกเฉินสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ได้ กล่าวประณาม การตัดสินใจของทรัมป์ อย่างกว้างขวาง ซึ่งได้ ก่อให้เกิด การประท้วงที่ร้ายแรงในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ดินแดนที่ถูกยึดครอง
การประท้วงต่อต้านคำประกาศของสหรัฐฯ ยังเกิดขึ้นในอีกหลายประเทศด้วย
ปาเลสไตน์รัฐมนตรีต่างประเทศ Riyad al-Maliki พูดกับนักข่าวก่อนการประชุมฉุกเฉินในกรุงไคโรว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถยอมรับสหรัฐฯ ในฐานะคนกลางในกระบวนการสันติภาพได้อีกเพราะตอนนี้สหรัฐฯ “วางตัวเองในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาท”
เขาได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดำเนินการกับการตัดสินใจของทรัมป์ “อเมริกากำลังก่อการร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ และต่อต้านกฎหมายระหว่างประเทศ” รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯได้ปกป้องการประกาศรับรองกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลว่า ทรัมป์มีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูการเจรจาระยะยาวระหว่างชาวปาเลสไตน์ และอิสราเอล
สถานะของกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางศาสนาอิสลาม, ยิวและคริสเตียน เป็นประเด็นหลักในความขัดแย้งอิสราเอล – ปาเลสไตน์ตลอดกาล หลังจากอิสราเอลบุกเข้ายึดครองดินแดนทางตะวันออกของเมืองในปี 1967 อิสราเอลผนวกรวมดินแดนดังกล่าว และประกาศให้เยรูซาเล็ม “เป็นเมืองหลวงโดยไม่มีการแบ่งแยก” แต่การประกาศดังกล่าวเป็นละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ มติสหประชาชาติ และไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
อย่างไรก็ตามรัฐปาเลสไตน์ได้ประกาศว่ากรุงเยรูซาเล็มตะวันออก ว่าเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ Aboul-Gheit กล่าวสนับสนุนความพยายามของปาเลสไตน์ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์
“เราขอเรียกร้องให้ทุกประเทศที่สนับสนุนสันติภาพด้วยการปฏิเสธการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยุติธรรม และไม่เป็นธรรม เราเรียกร้องให้ทุกคนยอมรับว่าปาเลสไตน์เป็นรัฐอิสระ และเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์” เขากล่าว
การพูดในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอียิปต์ Sameh Shoukry กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของทรัมป์ทำให้ “ภูมิภาคใกล้จะเกิดการระเบิดขึ้น”
Mohammed Bin Abdulrahman Al Thani รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศกาตาร์ เรียกร้องให้ “มาตรการที่เป็นไปได้ทั้งหมดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ”
ในขณะที่เลบานอนเรียกร้องให้สันนิบาตอาหรับคว่ำบาตรสหรัฐ
“ต้องมีการเตรียมมาตรการตอบโต้ต่อการตัดสินใจของทรัมป์ … เริ่มต้นด้วยมาตรการทางการทูต, มาตรการทางการเมือง, การลงโทษทางเศรษฐกิจและการเงิน” Gebran Bassil กล่าว
ในขณะเดียวกันมุฟตีใหญ่ของอัล-อัซฮัร ประกาศในกรุงไคโรว่าเขาจะไม่พบกับรองประธานาธีบดี ไมค์ เพน ของสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้การประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอลของสหรัฐฯ
ด้านผู้นำคริสตจักรอียิปต์ในอียิปต์ได้ยกเลิกกำหนดการในการพบหารือกับรองประธานาธิบดีสหรัฐเช่นกัน โดยโป๊บ Tawadros II กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของทรัมป์ “ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของชาวอาหรับ”
ด้านผู้นำปาเลสไตน์ประกาศว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่เป็นที่ต้อนรับในดินแดนปาเลสไตน์