สหรัฐฯแค้นฝังลึก หลังแพ้มติ UN ราบคาบ(14 ต่อ 1)แม้จะสุดท้ายมติจะตกไปด้วยการวีโตของสหรัฐฯ แต่ความพ่ายแพ้ที่เสียหน้าในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ UNSC ทำให้ทูตสหรัฐฯ ฆาตด้วยการออกมาระบุว่าจะส่งรายชื่อทุกประเทศที่หนุนร่างมติค้านสหรัฐยกเยรูซาเล็มให้ยิวให้ทรัมป์จัดการ หลังจากตุรกี และเยเมนส่งมติดังกล่าวเข้าสมัชชาใหญ่ UN โหวตซ้ำพฤหัสบดีนี้
นิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ (UN) ออกมาอาการอาฆาตด้วยการขู่ว่าจะส่งรายชื่อทุกประเทศที่สนับสนุนร่างมติคัดค้านการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล ให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทราบ
สมัชชาใหญ่สหประชาชาติซึ่งมีสมาชิก 193 ประเทศเตรียมเปิดประชุมฉุกเฉินในวันพฤหัสบดี (21) เพื่อโหวตร่างมติคัดค้านการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิว หลังจากที่ร่างมติคล้ายๆ กันนี้ที่เสนอโดยอิยิปต์ถูกสหรัฐฯ ใช้สิทธิ์ “วีโต” คัดค้านในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (18)
“ท่านประธานาธิบดีจะจับตาการลงมติในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และขอให้ดิฉันส่งรายชื่อประเทศที่โหวตคัดค้านจุดยืนสหรัฐฯ ไปให้ท่านทราบด้วย” เฮลีย์ ระบุในจดหมายข่มขู่ที่ส่งถึงบรรดานักการทูตประจำสหประชาชาติ
“เราจะจดบันทึกทุกๆ เสียงโหวตในประเด็นนี้”
ทูตสหรัฐฯ ได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ด้วยว่า “สหรัฐฯ จะจดรายชื่อ” แต่ละประเทศที่ลงคะแนนโหวตในการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นวันพฤหัสบดีนี้ (21)
ตุรกีและเยเมนเป็นตัวแทนกลุ่มชาติอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) เรียกร้องให้สมัชชาใหญ่สหประชาชาติเปิดการประชุมฉุกเฉิน และแจกจ่ายร่างมติที่มีเนื้อหาเหมือนกับร่างของอิยิปต์ที่ถูกสหรัฐฯ วีโตไปก่อนหน้านี้ โดยยืนยันว่าการที่สหรัฐฯ รับรองสถานะของเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอลนั้นไม่มีผลในทางกฎหมายเนื่องจากขัดต่อข้อมติหลายข้อก่อนหน้านี้ของสหประชาชาติ และต้องถูกยกเลิก
ร่างมติที่อียิปต์เสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเมื่อวันจันทร์ (18) ได้รับเสียงสนับสนุนจาก 14 ประเทศ รวมถึงพันธมิตรสหรัฐฯ อย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น และยูเครน
เฮลีย์ ได้ประณามมติ 14-1 ว่าเป็นการ “ดูหมิ่น” สหรัฐฯ และเตือนว่าวอชิงตันจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้
เธอยังทวีตข้อความกราดเกรี้ยวในวันอังคาร (19) ว่า “ยูเอ็นเรียกร้องว่าสหรัฐฯ ควรจะทำและให้ในสิ่งต่างๆ มากกว่านี้ ดังนั้นเมื่อเราตัดสินใจตามความปรารถนาของชาวอเมริกันที่จะย้ายสถานทูต ‘ของเรา’ เราจึงไม่คิดเลยว่าผู้ที่รับความช่วยเหลือจะมารวมหัวต่อต้านเรา”
สำหรับร่างที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติจะโหวตในวันพฤหัสบดีนี้ (21) ไม่ได้พาดพิงถึงสหรัฐฯ ตรงๆ เพียงแต่ระบุว่า “ผิดหวังอย่างลึกซึ้งต่อการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับสถานะของเยรูซาเลม”
ริยาด มันซูร์ ทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ เชื่อว่ารัฐสมาชิกสหประชาชาติส่วนใหญ่จะให้การสนับสนุน “อย่างล้นหลาม” ต่อร่างมติที่กำหนดให้ข้อพิพาทเยรูซาเลมเป็นสิ่งที่จะต้องแก้ไขผ่านการเจรจาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เท่านั้น
“สมัชชาใหญ่สหประชาชาติจะประกาศอย่างไม่ต้องกลัวเกรงการวีโตว่า ประชาคมโลกไม่ยอมรับจุดยืนฝ่ายเดียวของสหรัฐอเมริกา” มันซูร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ไม่มีประเทศใดถืออำนาจวีโตในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งแตกต่างจากการประชุมในสภาความมั่นคง 15 ชาติ ที่จะมี 5 ชาติเป็นคณะมนตรีความมั่นคงที่มี สหรัฐฯ อังกฤษ จีน รัสเซีย และฝรั่งเศส มีสิทธิ์ที่จะวีโตเพื่อให้ร่างมติที่พวกเขาไม่ต้องการตกไปได้ แม้ทุกชาติจะต้องการผ่านมติดังกล่าวก็ตาม
ทั้งนี้ตามกฎบัติข้อ 377A ที่รู้จักกันในชื่อ “รวมกันเพื่อสันติภาพ” ของสหประชาชาติ ระบุว่า หากคณะมนตรีความมั่นคงไม่ปฏิบัติหน้าที่หลักในการรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ สมัชชาแห่งสหประชาชาติจะสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวนั้นได้ในทันที
โดยอิสราเอลยึดเยรูซาเลมตะวันออกมาจากชาวปาเลสไตน์ในสงครามปี 1967 จากนั้นก็ผนวกมันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจน แต่ไม่รับการรับรองจากนานาชาติ ขณะที่ปาเลสไตน์ต้องการดินแดนเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของตนในอนาคต และชี้ว่าการกระทำของทรัมป์ คือบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพ และทำลายสถานะของการเป็นตัวกลางในการเจรจาของสหรัฐฯ