เครือข่ายสิทธิมนุษยชนซีเรีย(SNHR)ได้ออกรายงานเกี่ยวกับการสังหารหมู่ที่กองกำลังรัสเซียได้กระทำในพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลง “ลดความรุนแรง” ทำให้มีพลเรือน 79 รายเสียชีวิต รวมทั้งเด็ก 8 คน โดยเฉพาะการทิ้งระเบิดถล่มเข้าหมายตลาดใหญ่ของเมือง Atareb ในเขตชนบทตะวันตกของจังหวัด Aleppo
ตามรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(22 ธันวาคม) เครื่องบินรบ 2 ลำที่เชื่อว่าเป็นของกองทัพอากาศรัสเซียได้ทิ้งระเบิด 3 ลูกเข้าใส่ตลาดหลักของเมือง Atareb ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สถานีตำรวจ เมื่อเวลาประมาณ 14:08 น. ของวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน การโจมตีดังกล่าวได้ทำให้พลเรือน 79 ราย เสียชีวิต รวมทั้งเด็ก 8 ราย และสตรีอีก 8 ราย นอกจากนี้ยังมีพลเรือนอีก 83 คนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่การทิ้งระเบิดยังได้ทำลายร้านค้า สถานีตำรวจ และสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนด้วย
รายงานยืนยันว่ากองทัพรัสเซียได้ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 2139 และ 2254 ที่เรียกร้องให้ยุติการโจมตีตามอำเภอใจ และยังละเมิดข้อ 8 ของธรรมนูญกรุงโรมด้วยการกระทำที่เป็นการฆาตกรรมพลเรือนโดยเจตนาซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
รายงานระบุว่ากองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัสเซียมีเจตนาละเมิดข้อตกลงกำหนดพื้นที่ลดความรุนแรง นับตั้งแต่เริ่มประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2017 ในหลายพื้นที่ทั่วซีเรียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัด Idlib, ฆุตเฎาะห์ตะวันออก และ จังหวัด Aleppo การละเมิดข้อตกลงเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนในการทำลายข้อตกลง ด้วยการใช้กำลังปราบปรามพลเรือนชาวซีเรียเพื่อให้ยอมจำนน และยอมรับความชอบธรรมของระบอบการปกครอง
รายงานดังกล่าวย้ำถึงการเรียกร้องให้มีการนำสถานการณ์ในประเทศซีเรียไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) และต้องระงับการละเมิดทั้งหมดทันที นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการบังคับใช้หลักการความรับผิดชอบเพื่อปกป้องพลเรือน เพื่อช่วยชีวิตชาวซีเรีย มรดก และศิลปกรรมของพวกเขาจากการทำลายล้าง การปล้นสะดม และการก่อวินาศกรรม
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด และอิหร่านที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอาชญากรรมสงคราม และการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในซีเรีย
ที่มา Syrian Coalition’s Media Department