ประธานาธิบดีกัวเตมาลา จิมมี โมราเลส เอาใจทรัมป์หลังเป็น 1 ใน 9 ชาติที่ยกมือเคียงข้างสหรัฐฯ ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ล่าสุดประกาศย้ายสถานทูตกัวเตมาลาประจำอิสราเอลไปยังเมืองเยรูซาเลมตามอย่างสหรัฐฯ
กัวเตมาลาเป็น 1 ใน 9 ประเทศที่อยู่เคียงข้างสหรัฐอเมริกา และอิสราเอลในการโหวตร่างญัตติที่ไม่มีผลตามกฎหมายในการประณามการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาในการย้ายสถานทูตอเมริกันจากเทลอาวีฟไปเยรูซาเล็ม เช่นเดียวกับประธานาธิบดี จิมมี มอราเลส ของกัวเตมาลา
วันเสาร์ที่ผ่านมา (23) มอราเอลโพสต์บนหน้าเฟซบุ๊กของตัวเองว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เขาจึงตัดสินใจสั่งให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการย้ายสถานทูตกัวเตมาลาไปยังเยรูซาเล็ม
กัวเตมาลาและอิสราเอลนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคง และอิสราเอลกำลังเล็งขายอาวุธให้กัวเตมาลา ขณะที่ในปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดตั้งสถานทูตในเยรูซาเล็ม แม้สาธารณรัฐเช็กเผยว่า กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศเดินหน้านโยบายต่างประเทศที่ค้างคามายาวนานของสหรัฐฯ ในการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ด้วยการประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ ต้องสูญเสียที่นั่งของความเป็นกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์(เจ้าของดินแดน) และอิสราเอล(ผู้ยึดครอง)
อิสราเอลใช้กำลังยึดครองกรุงเยรูซาเล็มตั้งแต่ปี 1967 ขณะที่สหประชาชาติได้มีมติที่ 242 ให้อิสราเอลคืนดินแดนที่ยึดไปหลังปี 1967 ทั้งหมดให้กับปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลไม่เคยทำตามมติดังกล่าว และชาติสมาชิกความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง 5 (สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน และรัสเซีย) ก็ไม่เคยพลักดันให้มีการบังคับใช้มติดังกล่าว
เยรูซาเล็มเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซอ มัสยิดสำคัญลำดับ 3 ของชาวมุสลิม และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาว คริสต์ และยิว ด้วย โดยนานาชาติได้ยึดมั่นกับแนวทางที่ให้อิสราเอลและปาเลสไตน์เจรจาเพื่อตัดสินเยรูซาเล็มร่วมกัน
คำประกาศของทรัมป์กระตุ้นให้เกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์กับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอลที่ใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ชาวปาเลสไตน์ โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์แถลงว่า ชายปาเลสไตน์ 2 คนเสียชีวิตบริเวณชายแดนติดกับอิสราเอลเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตจากความรุนแรงในเขตเวสต์แบงก์ และกาซา นับจากการประกาศรับรองเยรูซาเล็มของทรัมป์ รวมแล้วขณะนี้ 12 คน
สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้ผ่านมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ (21) ผ่านมา ประกาศว่า การดำเนินการของสหรัฐฯ เกี่ยวกับเยรูซาเลม “ไม่มีผลตามกฎหมาย” ด้วยคะแนนสนับสนุน 128-9 ซึ่งแม้เป็นชัยชนะสำหรับปาเลสไตน์ตามคาด แต่มีถึง 35 ชาติที่งดออกเสียง และ 21 ชาติออกจากห้องประชุมระหว่างการลงมติ หลังจากสหรัฐฯ ข่มขู่ว่าจะตัดเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ยกมือหนุนมติดังกล่าว