ตำรวจฟิลิปปินส์กราดยิงใส่รถตู้ที่กำลังนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นหญิงที่บาดเจ็บจากการถูกคนร้ายยิง ด้านเจ้าหน้าที่อ้างเข้าใจผิดคิดว่า “มือปืน” นั่งอยู่ในรถ
เหตุวิสามัญฯ อื้อฉาวครั้งล่าสุดในยุคประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต เกิดขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ (28 ธ.ค.) หลังตำรวจได้รับแจ้งเหตุเพื่อนบ้านทะเลาะกันและมีคนถูกยิงบาดเจ็บที่ชานกรุงมะนิลา
ออสการ์ อัลบาดาเย ผู้บัญชาการตำรวจมะนิลา แถลงวันนี้ (29) ว่า ตำรวจซึ่งเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุได้ชักปืนยิงใส่รถตู้ซึ่งพวกเขาคิดว่ากำลังพาคนร้ายหลบหนี แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อผู้ที่อยู่ในรถคือหญิงที่บาดเจ็บ และกำลังถูกนำส่งโรงพยาบาล
หญิงเคราะห์ร้ายเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนที่นั่งไปในรถก็ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 2 คน
“ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งสิ้นสำหรับเหตุอันน่าเศร้า ซึ่งทำให้มีคนเสียชีวิตไปถึง 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 2 คน” อัลบายาเด ระบุในถ้อยแถลง
ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวเสริมว่า อาสาสมัครป้องกันหมู่บ้านเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ชักปืนออกมายิงใส่รถตู้ ซึ่งตำรวจจะต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้จึงพกปืน ทั้งที่โดยปกติทางการจะไม่แจกจ่ายให้
เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนรวม 36 นัดในที่เกิดเหตุ และจะนำปืนของทั้งตำรวจและอาสาสมัครป้องกันหมู่บ้านไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ยิง
“พวกเขาสารภาพว่าได้ยิงปืนกันทุกคน มีแต่พวกมาทีหลังซึ่งยังไม่ทันได้ยิง” อัลบายาเด ระบุ
“เราไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งสิ้น และยอมรับว่าเป็นไปได้ที่อาจจะมีการฆ่าเกินความจำเป็น หรือฝ่าฝืนหลักปฏิบัติของตำรวจ”
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเผยคลิปวิดีโอซึ่งแสดงให้เห็นว่าตำรวจหลายนายชักปืนจ่อไปที่รถตู้ ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น
แฮร์รี โรเก โฆษกของประธานาธิบดีดูเตอร์เต ออกมาแถลงยืนยันว่า “เรื่องนี้จะต้องถูกสอบสวนอย่างละเอียด แม้มีสิ่งบ่งชี้ว่าตำรวจอาจใช้กำลังเกินกว่าเหตุก็ตาม”
ตำรวจทั้ง 11 นายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ได้ถูกยึดปืน และจะถูกจำกัดการเดินทางระหว่างที่การสอบสวนยังไม่สิ้นสุด
ที่มา MGR Online