เด็กชาวโรฮิงญานับร้อยคนยังคงติดค้างอยู่ในฝั่งพม่าโดยไม่มีพ่อแม่ หลังปฏิบัติการทางทหารรุนแรงส่งผลให้ชาวโรฮิงญากว่า 655,000 คน หนีตายเข้าไปยังบังกลาเทศ
เด็กชาวโรฮิงญาอีก 60,000 คน กำลังไร้เรี่ยวแรงอยู่ในค่ายที่รุมเร้าไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บในฝั่งพม่า ตั้งแต่ถูกขับออกจากบ้านของตนเองระหว่างเหตุความรุนแรงในปี 2555 ตามการระบุของโฆษกยูนิเซฟ
โฆษกยูนิเซฟ กล่าวต่อนักข่าวในนครเจนีวาเมื่อวันอังคาร (9) ว่า เธอใช้เวลา 1 เดือนในรัฐยะไข่ของพม่า และเยี่ยมค่ายพักแห่งหนึ่งที่ที่พักพิงสร้างอยู่เหนือกองขยะ และสิ่งปฏิกูลต่างๆ และมีเด็ก 4 คน เสียชีวิตจากโรคต่างๆ ภายใน 3 สัปดาห์
ซอ เต โฆษกรัฐบาลพม่ากล่าวต่อรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่ามีเด็กถูกทิ้งไว้ลำพังในพม่าระหว่างการอพยพของชาวโรฮิงญาไปบังกลาเทศในช่วงครึ่งหลังของปี 2560
สหประชาชาติประเมินว่า มีชาวโรฮิงญาเหลืออยู่เพียง 60,000 คน จาก 440,000 คน ในเมืองหม่องดอ หลังปฎิบัติการทางทหารเกิดขึ้น
ซอ เต กล่าวว่า พม่าจะเริ่มรับตัวผู้ลี้ภัยจากบังกลาเทศกลับประเทศ 300 คนต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ตามข้อตกลงที่ลงนามกันในเดือน พฤศจิกายน และรัฐบาลได้เริ่มสร้างบ้านสำหรับผู้ที่เดินทางกลับบางส่วน ขณะคนอื่นๆ ที่เหลือจะถูกส่งไปยังค่ายพักชั่วคราวใกล้กับหมู่บ้านเดิม
ในจดหมายของฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่ส่งถึงรัฐบาลพม่า และบังกลาเทศ ระบุเตือนว่า ทั้งสองรัฐบาลเสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศจากการกดดันผู้ลี้ภัยให้เดินทางกลับพม่า ที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกองกำลังรักษาความมั่นคง
หน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ (UNHCR) ได้เสนอความช่วยเหลือเพื่อรับประกันว่า กระบวนการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล
“การฟื้นฟูความสงบสุขและความมั่นคง การรับประกันการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่และการจัดการกับต้นตอของปัญหาการพลัดถิ่นเป็นเงื่อนไขสำคัญ” โฆษกของ UNHCR ระบุ