Human Rights Watch ได้วิพากษ์การล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ UNSC และประชาคมระหว่างประเทศในความล้มเหลวในการแก้ปัญฆาที่การใช้อาวุธเคมีของบาชาร์ อัล-อัสซาด ในการโจมตีพลเรือนชาวซีเรีย
ในแถลงการณ์ (HRW) ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร กลุ่มคนเฝ้าระวังกล่าวว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่ได้มีส่วนสำคัญในการดำเนินการกับผู้รับผิดชอบต่อเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีในประเทศซีเรีย หรือแม้แต่ความพยายามในการส่งตัวผู้ประทำผิดไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ
“รัสเซียได้ใช้สิทธิในการยับยั้งคณะมนตรีความมั่นคง 11 ครั้งคุ้มครองบาชาร์ อัล-อัสซาด จากมาตรการลงโทษด้วยการคว่ำบาตร หรือการส่งรายงานผลสอบสวนของสหประชาชาติไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ” HRW กล่าว
ในเดือนตุลาคมกลไกการสืบสวนร่วมของ UN-OPCW พบว่าระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นผู้ดำเนินการในการใช้ก๊าซพิษซารีนโจมตีพลเรือนในเดือนเมษายน 2017 ที่เมือง Khan Sheikhoun ซึ่งเป็นเหตุให้มีพลเรือนเกือบ 100 คน เสียชีวิต และกว่า 400 คนบาดเจ็บ ส่วนใหญ่เป็นสตรี และเด็ก นอกจากนี้ผลสอบสวนยังยืนยันได้ว่าระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด ยังได้มีการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนชาวซีเรียอีกหลายครั้ง
HRW ย้ำว่าสมาชิกสหประชาชาติควรให้การสนับสนุนทีมสืบสวนของสหประชาชาติอื่น ๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบการก่ออาชญากรรมในซีเรีย และหาตัวผู้รับผิดชอบต่อการโจมตีที่เกิดขึ้น
“รัฐบาลรัสเซียควรเปลี่ยนแนวทาง และหันมาสนับสนุนให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการดำเนินการกับผู้ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน”
“ล่าสุดรัสเซียได้ขัดขวามการต่ออายุการสอบสวนร่วมกันขององค์การสหประชาชาติ และองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) ซึ่งมีหน้าที่ในการสืบสวนหาตัวผู้ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน” HRW กล่าว
รัฐบาลผสมของชาวซีเรียที่เกิดจากการรวมตัวกันของพลเรือนชาวซีเรีย ได้กล่าวถึงความล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการต่ออายุคณะกรรมการกลไกลการสืบสวนร่วมหรือ JIM ว่าเป็นความ “อัปยศ” และ “ทำลายชื่อเสียงขององค์การสหประชาชาติ”
ที่มา Syrian Coalition’s Media Department + Agencies