กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดนได้กล่าวปาฐกถาในเวทีเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอสว่า กรุงเยรูซาเล็มอาจเป็นเมืองที่ทำให้เราอยู่ร่วมกัน หรือก่อให้เกิดการรุกราน และความรุนแรงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
เขากำลังพูดเพื่อตอบคำถามที่เชื่อมโยงกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในการรับรองกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยล่าสุดรองประธานาธิบดีไมค์ เพ็นซ์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าสถานทูตสหรัฐฯ พร้อมที่จะย้ายจากเทลอาวีฟมายังเยรูซาเล็มปลายปี 2019
การประกาศที่สร้างปัญหาของทรัมป์ ได้ก่อให้เกิดการประท้วงจากชาวปาเลสไตน์ และชาวมุสลิมทั่วโลก
กษัตริย์อับดุลเลาะห์กล่าวว่ากรุงเยรูซาเล็มต้องเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ซึ่งเป็นท่าทีที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป และประธานาธิบดีอเมริกันทุกคนก่อนหน้าทรัมป์
เขากล่าวว่า “(การตัดสินใจของทรัมป์) ได้สร้างความขัดแย้งขึ้น มันสร้างความผิดหวังต่อชาวปาเลสไตน์ที่พวกเขาพูดจึงสหรัฐฯว่าไม่ใช่คนกลางที่ซื่อสัตย์”
อย่างไรก็ตามกษัตริย์อับดุลเลาะห์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณา เพราะเรายังอยากเห็นแผนของอเมริกัน แต่ความเห็นอกเห็นใจอย่างมากต่อความรู้สึกของชาวปาเลสไตน์ กรุงเยรูซาเล็มเป็นเรื่องหัวใจสำหรับทุกคน”
เขากล่าวต่อว่า “เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่สิ้นสุดของการแบ่งเรา ซึ่งคิดว่ามันอาจกลายเป็นภัยพิบัติต่อมวลมนุษยชาติหรือเป็นเมืองแห่งความหวังซึ่งจะทำให้เราอยู่ด้วยกัน”
เขากล่าวว่าเป็นนิรันดร์สำหรับ ยิว, คริสเตียน และชาวมุสลิม และขอให้ผู้ชมจดจำข้อความของโป๊บฟรานซิสในช่วงคริสต์มาสด้วยหวังว่าเยรูซาเล็มจะถูกจัดการโดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้
“นี่คือเมืองที่อาจสร้างปัญหาให้กับเราได้ในอนาคต อาจเป็นเมืองที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันหรืออาจก่อให้เกิดความรุนแรงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน “กษัตริย์อับดุลเลาะห์กล่าว
กษัตริย์จอร์แดนยังบอกต่อที่ประชุมผู้นำโลกในเมืองเดวอสว่าการแก้ปัญหาแบบรัฐเดียวในความขัดแย้งอิสราเอล – ปาเลสไตน์จะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ทางเลือกมีไม่มากนัก
“การแก้ปัญหาของสองรัฐเคียงคู่กันที่เรามองเห็น ไม่ใช่สองรัฐเคียงคู่กันที่พวกเขา (อิสราเอล และสหรัฐฯ) มอง” เขากล่าว
แต่เขากล่าวว่าเขาไม่ได้คาดหวังให้มีการแก้ปัญหาด้วยรัฐเดียวอย่างที่บางคนเสนอ
“ผมไม่เห็นว่าการแก้ปัญหาแบบรัฐเดียวจะเป็นที่ยอมรับ” เขากล่าว
กษัตริย์อับดุลลาห์ยังกล่าวถึงการปฎิวัติในโลกอาหรับด้วยว่าในที่สุดจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในหมู่ชาวอาหรับในภูมิภาคนี้
“ความเป็นชาตินิยมอาหรับสิ้นสุดลงไปพร้อมกับการปฎิวัติอาหรับ” เขากล่าว