การโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงโดยเครื่องบินรบของรัสเซีย และระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดในเขตชนบทของจังหวัดอิดลิบ ทำให้พลเรือนจำนวนมากราว 145 ราย เสียชีวิตในช่วง 35 วันในปฎิบัติการโจมตีอย่างต่อหนักต่อดินแดนแห่งนี้
กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (SOHR) ระบุว่าย่านชนบทของจังหวัดอิดลิบ ถูกถล่มอย่างหนักด้วยเครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย และระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด
โดยเหตุล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่(28 มกราคม)ผ่านมา เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิด และเฮลิคอปเตอร์ได้จู่โจมทางตะวันออก และทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดอิบลิบ อย่างน้อย 93 แห่งในเมือง Saraqeb and Abu al-Duhur cities, and the villages of Ferwan, Tal Al-Tokan, Tell Sultan, Umm Elkhalayel, Tell Mardikh, Al-Khwaiyn, Mshirfah Shamali, บริเวณใกล้เคียงของ Zarzur รวมทั้งพื้นที่ในเมือง Kafr Nubl และพื้นที่อื่น ๆ ในภาคตะวันออก และชนบททางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดอิดลิบ
การโจมตีทางอากาศได้เกิดขึ้นพร้อมกับการระดมยิงพื้นปืนใหญ่ และขีปนาวุธโดยกองกำลังภาคพื้นดินของระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด ต่อเป้าหมายในเมือง Saraqeb ในชนบททางตอนใต้ของอิดลิบ
โดยการโจมตีล่าสุดได้ส่งผลให้ชายคนหนึ่ง และเด็กถูกฆ่า ขณะที่อีก 12 คนได้รับบาดเจ็บที่มีความรุนแรงของบาดแผลที่แตกต่างกัน
และจากปฎิบัติการโจมตีล่าสุดทำให้ยอดพลเรือนชาวซีเรียที่เสียชีวิตเพิ่มเป็น 145 ราย ที่เป็นผลมาจากการทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินรบ และเฮลิคอปเตอร์ ร่วมกับการยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ของกองกำลังระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดและการซุ่มยิงของมือปืนที่จงรักภักดีต่อพวกเขาในพื้นที่ ในชนบทของจังหวัดอิดลิบ
จำนวนผู้ที่ถูกฆ่าตายดังกล่าวมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่อย่างน้อย 41 คน และเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่ถึง 18 ปีอีก 31 คนนับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2017 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2018 ขณะที่อีกหลายสิบคนต้องกลายเป็นคนพิการถาวรจากผลของการโจมตีที่รุนแรง ขณะที่จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจำนวนมากอาจทำให้จำนวนผู้ที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้การโจมตีที่รุนแรงยังได้ทำลายบ้านเรือนและร้านค้าหลายร้อยแห่งนอกเหนือจากความเสียหายที่เกิดกับโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ จากการโจมตีรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งในอิดลิบ, ฮามา และอเลปโป