นับเป็นครั้งแรกที่การทดสอบทางห้องปฎิบัติการยืนยันได้ว่าระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้แก๊สพิษทำลายประสาทโจมตีประชาชน ตามการเปิดเผยของนักการทูต และนักวิทยาศาสตร์ ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์
รายงานจากการสอบสวนร่วมกันขององค์การสหประชาชาติ และองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) พบว่าระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นผู้ดำเนินการโจมตีพลเรือนด้วยอาวุธเคมีกว่า 20 ครั้ง ด้วยการคุ้มครองจากรัสเซียในการใช้สิทธิ์ในการยับยั้งความพยายามของสหประชาชาติถึง 3 ครั้งในการขัดขวางการต่ออายุคณะกรรมการสอบสวนร่วมดังกล่าว เพื่อให้การสอบสวนเดินหน้าต่อไปได้
ฝรั่งเศสและอีกประมาณ 30 ประเทศได้ริเริ่มดำเนินการรวบรวมหลักฐานสำหรับดำเนินดีต่อผู้ที่ใช้อาวุธเคมีในซีเรียในระหว่างการประชุมที่จัดขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา Rex Tillerson กล่าวว่ารัสเซียที่ให้การสนับสนุนระบอบการปกครองของ บาชาร์ อัล-อัสซาด โดยเน้นว่ารัสเซียต้องมีความรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียด้วย
ห้องปฏิบัติการที่ทำงานให้กับองค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมีเปรียบเทียบตัวอย่างที่ดำเนินการโดยภารกิจของสหประชาชาติในเมืองฆุตเฎาะห์ตะวันออก ชายกรุงดามัสกัส หลังจากการโจมตีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2013 ที่ทำให้พลเรือนหลายร้อยคนเสียชีวิตจากพิษของแก๊สซาริน ซึ่งเป็นแก๊สตัวเดียวกับที่ระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดส่งมอบให้คณะกรรมการระหว่างประเทศในปี 2014 เพื่อทำไปทำลายตามติสหประชาชาติ
รัฐบาลของฝ่ายต่อต้านซีเรียได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนซีเรียที่เกิดขึ้นหลายครั้ง และต้องดำเนินการกับผู้นำอาวุธเหล่านี้มาใช้
รัฐบาลของฝ่ายต่อต้านซีเรีย และกลุ่มผู้สนับสนุน กล่าวย้ำว่า “จะไม่สามารถลบล้างพฤติกรรมทางอาญาของพวกเขา หรือหลบเลี่ยงการละเมิดมติระหว่างประเทศรวมทั้งการใช้อาวุธเคมี และการก่ออาชญากรรมสงคราม และการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะต้องถูกดำเนินคดีในก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายเหล่านี้ของพวกเขา”