เมื่อวันพุธ 7 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 10.00 น. ณ กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พันเอก ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า มีคดีความมั่นคงที่มีความคืบหน้า 2 คดี ดังนี้ คดีที่ 1 เหตุคนร้ายร่วมกันฆ่าสามีภรรยาแล้วนำไปโยนทิ้งแม่น้ำ เพื่อแย่งชิงรถยนต์กระบะนำไปประกอบระเบิดข้างฐานปฏิบัติการร้อย ตชด. (เก็บกู้ได้) เหตุเกิดที่สวนยางพารา บ้านห้วยปลิง หมู่ที่ 6 ตำบลท่าม่วง อำเภอเทพาจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 และคดีที่ 2 เหตุคนร้ายร่วมกันขว้างระเบิดใส่ด่านตรวจตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ บ้านนาจวก ไม่มีผู้บาดเจ็บ เหตุเกิดที่ ตำบลท่าม่วงอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560
ซึ่งทั้ง 2 คดี พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้ก่อการร้ายกลุ่มเดียวกัน และผลการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำผิดทั้ง 2 คดี นำไปสู่การจับกุมแล้ว 2 คน คือ นายฮีซาม มอซู ถูกจับกุมพร้อมตรวจยึดปืนเล็กยาว M16 ในพื้นที่อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งได้ยอมรับสารภาพและซัดทอดผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คดี ปัจจุบันฝากขังเรือนจำจังหวัดสตูล และนายสะอุดี ขเดมัน (มี ป.วิอาญาเหตุระเบิด 3 จุด อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา) ถูกจับกุมในพื้นที่อำเภอเบตงจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2561 สารภาพและซัดทอดผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คดี ที่สอดคล้องตรงกัน รวมถึงได้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพเรียบร้อยแล้ว และยังยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิด 3 จุด ในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ปัจจุบันถูกควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ณ หน่วยซักถาม หน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากคำยอมรับสารภาพและการทำแผนประกอบ จึงพิสูจน์ทราบได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มเดียวกัน โดยมีนายบูคอลี หลำโสะ เป็นหัวหน้าและสั่งการ ซึ่งศาลจังหวัดนาทวีได้อนุมัติออกหมายจับ ป.วิอาญา ผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง 2 คดี แล้วรวม 11 หมายจับ ผู้ต้องสงสัย 6 คน จับกุมตัวแล้ว 2 คน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงดำรงความมุ่งหมายในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีและการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม เพื่อปกป้องคุ้มครองและดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน จึงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนแจ้งข้อมูลข่าวสารเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการได้ที่ หน่วยทหารพื้นที่ใกล้เคียง หรือสายด่วนหมายเลข 1341 และตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี