บาชาร์เดินหน้าถล่มหนักฆุตเฎาะห์ UN วอนเปิดทางความช่วยเหลือเข้าพื้นที่

กลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรียปฏิเสธที่จะออกจากพื้นที่ฆุตเฎาะห์ และย้ำว่าพวกเขาจะปกป้องพื้นที่ พร้อมกล่าวว่าการที่รัสเซียเสนอให้ออกจากฆุตเฎาะห์เพื่อแลกกับการอยู่รอดเป็นข้อเสนอที่ไม่จริงจัง โดยโฆษกของหนึ่งในกลุ่มนักรบพันธมิตรของ FSA กล่าวกับอัล-ญะซีเราะห์ ด้านเลขาฯ UN อ้อนบาชาร์เปิดทางความช่วยเหลือเข้าพื้นที่

Wael Olwan จากกลุ่ม Failaq al-Rahman ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบหลักที่เป็นพันธมิตรกับ FSA ในฆุตเฎาะห์ตะวันออก กล่าวในวันพุธว่ารัสเซียได้ยืนยันว่าการใช้การเพิ่มกำลังทหารเป็นวิธีที่จะทำให้พลเรือนอพยพออกจากบ้านเรือนของตน

“การคงอยู่ของรัสเซียในการก่อเหตุรุนแรงที่ทำให้พลเรือนจำนวนมากอพยพหนีตายละทิ้งบ้านเรือน” เขากล่าว

เมื่อวันพุธที่(7 มีนาคม)ผ่านมาสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าโฆษกกองทัพของฝ่ายต่อต้านซีเรียที่ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับการเจรจาตามข้อเสนอรัสเซีย

“ไม่มีการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้” Hamza Birqdar กล่าวกับรอยเตอร์ ซึ่งหมายถึงข้อเสนอของรัสเซียในการให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านซีเรียในพื้นที่ และครอบครัวของพวกเขาออกไปจากบ้านของตนในฆุตเฎาะห์ตะวันออก

“ประชาชนชาวฆุตเฎาะห์ และกลุ่มนักรบในฆุตเฎาะห์ พร้อมที่จะปกป้องบ้านของตน” Birqdar กล่าวเสริม

ในขณะเดียวกันระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดประกาศว่าจะส่งกำลังเสริมซึ่งรวมถึงกลุ่มติดอาวุธอีก 700 คนเพื่อเข้าร่วมปฎิบัติการบุกยึดดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออก ตามรายงานของกลุ่มซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน (SOHR) ในวันพุธ

ชาร์ อัล-อัสซาด ได้ส่งกำลังเข้าปิดล้อมดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออกที่มีประชากร 400,000 คนได้ประกาศเอกราชจากการปกครองของบาชาร์ ตั้งแต่กลางปี 2013

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ระดมทิ้งระเบิดกลุ่มดินแดนที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้ เพื่อบีบให้พื้นที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์กองทัพรัสเซียได้เข้าร่วมสนับสนุนอย่างจริงจังต่อการทิ้งระเบิดต่อดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 770 คนตามรายงานของ SOHR

กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่าการระดมโจมตีอย่างรุนแรงในพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมอย่าง “นองเลือด” ที่สุดของ 6 ปีแห่งความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในดินแดนที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้ย้ำว่ากองกำลังของบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ใช้ก๊าซคลอรีนในการโจมตีทางอากาศในการโจมตีพื้นที่

มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการหยุดยิง 30 วัน แต่การโจมตีของรัสเซียในการสนับสนุนระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นอุปสรรค์สำคัญในการอพยพคนป่วยออกจากพื้นที่ รวมทั้งการนำความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่แทบเป็ฯไปไม่ได้

การโจมตีภาคพื้นดินโดยกองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด เพื่อบุกเข้าไปในดินแดนที่ถูกปิดล้อมแห่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ประสบความสำเร็จจนถึงขณะนี้

กองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด และพรรคพวกชีอะห์ อ้างว่าได้เข้าควบคุมพื้นที่มากกว่า 1 ใน 3 ของพื้นที่

การระดมโจมตี และบุกรุกเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่องได้บีบให้พลเรือนจำนวนมากต้องหนีตายเข้าไปยังเมืองดูมา เมืองใหญ่สุดของฆุตเฎาะห์ตะวันออก

ในบรรดาเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่รอบนอกของพื้นที่คือ Misraba และ Al-Shifoniyah ซึ่งตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีอย่างหนักเนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของการโจมตี

Ali Al Khouli นักข่าวอิสระจาก Misraba บอกกับอัล-ญะซีเราะห์ ว่าพลเรือนอย่างน้อย 1,000 ครอบครัวในพื้นที่ได้หนีตายไปยังเมืองดูมาเมื่อวันอังคาร

เขายังได้กล่าวอีกว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมาพลเรือนประมาณ 5,000 คนที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นได้อพยพออกจากพื้นที่เมื่อวานนี้ และวันนี้ จากเมืองที่มีประชากรอยู่ราว 7,000 ครอบครัว

Khouli บอกอีกว่าพลเรือนราว 3,000 ครอบครัว เป็นกลุ่มที่อพยพหนีตายจากพื้นที่อื่นได้มาหาที่หลบภัยใน Misraba

การระดมทิ้งระเบิดอย่างไม่หยุดยั้งของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ในเมืองฆุตเฎาะห์ตะวันออก และเมือง Misraba ทำให้อาคารและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเสียหายอย่างมาก

“ผู้คนอยู่ในความหวาดกลัว” เขากล่าว “พวกเขาไม่ต้องการให้กองกำลังของบาชาร์ อัล-อัสซาดเข้ามาถึงบ้านเขา ฆ่าพวกเขา และครอบครัวของเขา” Khouli กล่าว

“หลายคนจึงตัดสินใจที่จะออกไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกที่ไม่มิดชิด โดยไม่ได้มุ่งไปยังเมืองดูมาเท่านั้น แต่ไปยังเดินทางไปยังเมืองอื่น ๆ เช่น Harasta ด้วย”

“ทุกๆ ชั่วโมงจะมีการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 5 ครั้งในพื้นที่”

การกลับมาเริ่มต้นของการออกอากาศทางอากาศเมื่อวันอังคารเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ขบวนบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติที่เข้ามาในพื้นที่ได้ออกจากพื้นที่ไปหมด

เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้กล่าวว่ากองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ยึดอุปกรณ์การแพทย์จำนวนมากบนขบวนรถบรรเทาทุก์ซึ่งขัดขวางไม่ให้ส่งมอบความช่วยเหลือทางการแพทย์เข้าสู่พื้นที่

ด้านนาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสงครามเปิดทางให้รถบรรเทาทุกข์กลับเข้าไปยังเมืองดูมาในฆุตเฎาะห์ตะวันออกได้อีกครั้งในวันพฤหัสบดี (8) เพื่อจัดส่งสิ่งของจำเป็นด้านมนุษยธรรมให้แล้วเสร็จ “ตามที่ตกลงไว้กับระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด”

ขณะที่การโจมตีทางอากาศ และการระดมยิงปืนใหญ่เข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่องในวันจันทร์ (5) ทำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ได้ตัดสินใจที่จะออกจากพื้นที่หลังนำส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์จากรถได้เพียง 32 คันจากทั้งหมด 46 คัน

อาหารเกือบครึ่งหนึ่งบนขบวนรถไม่อาจจัดส่งไปได้ และสิ่งของจำเป็นทางการแพทย์ และอนามัยส่วนหนึ่งถูกระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดยึดไป ตามการเปิดเผยของสหประชาชาติ

กัวเตอร์เรส “เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเปิดทางให้ขบวนรถอีกส่วนหนึ่งเข้าไปส่งสิ่งของจำเป็นให้กับประชาชนหลายแสนคนที่กำลังมีความขาดแคลนอย่างมาก”

คำร้องขอของเขามีขึ้นก่อนหน้าการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงตามการร้องขอของอังกฤษและฝรั่งเศสให้จัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับความล้มเหลวของการหยุดยิงในซีเรีย 10 วันหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงมีมติให้หยุดยิงในซีเรีย

ด้วยการดำเนินการในปฎิบัติการทางอากาศของรัสเซีย ที่หนุนหลังระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ยังคงดำเนินต่อไปทั้งที่รัสเซียเป็นหนึ่งในคณะมนตรีความมั่นคงที่ให้การรับรองมติหยุดยิง 30 วันในซีเรียของสหประชาชาติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์เพื่อเปิดทางให้กับการจดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการอพยพผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บ

ความคิดเห็น

comments