พระสงฆ์ชาตินิยมสุดโต่งของพม่าได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อวันศุกร์ (9) หลังรับโทษจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน จากข้อหายั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในการชุมนุมประท้วงต่อต้านโรฮิงญาหน้าสถานทูตสหรัฐฯในปี 2559 นับเป็นการลงโทษที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นกับหนึ่งในพระสงฆ์ที่มีแนวคิดแข็งสุดโต่งของพม่าในการเคลื่อนไหวต่อต้านชาวมุสลิม
พระปามักคา เป็นหนึ่งในแกนนำในการขับดันกระแสชาตินิยมชาวพุทธ และความรู้สึกหวาดกลัวศาสนาอิสลามในพม่า ประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการกวาดล้างชาติพันธุชาวมุสลิมโรฮิงญา
พระสงฆ์รูปนี้ถูกจับกุมตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังจากเขาเป็นแกนนำในการชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในนครย่างกุ้ง เมื่อเดือนเมษายน 2559 เพื่อประท้วงที่สหรัฐฯใช้คำว่าโรฮิงญาเรียกชาวโรฮิงญา
ผู้สนับสนุนหลายสิบคนได้ส่งเสียงให้กำลังใจขณะที่พระปามักคาเดินออกจากเรือนจำอินเส่งในตอนเช้า และมุ่งหน้าไปสวดมนต์ที่เจดีย์ชเวดากอง
“ท่านมีงานต้องทำ ผมรักทุกอย่างที่ท่านทำเพื่อศาสนาและชาติบ้านเมือง” เอ เล ผู้สนับสนุนอายุ 32 ปี กล่าว
ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังต่อต้านมุสลิมบ่มเพาะอยู่ในพม่ามานานหลายปี และบ่อยครั้งที่กลายเป็นความรุนแรงนองเลือด ความเกลียดชังทางศาสนายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในระหว่างการปราบปรามของทหารที่บีบให้ชาวโรฮิงญาเกือบ 700,000 คนต้องอพยพหลบหนีออกจากประเทศตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
สหประชาชาติระบุว่าการปราบปรามอย่างรุนแรงของทหารเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ชาวพม่าจำนวนมากสนับสนุนการปราบปรามดังกล่าว และบางส่วนยังช่วยบริจาคเงินสนับสนุนในการสร้างกำแพงชายแดนพม่าติดบังกลาเทศด้วย
ในช่วงปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด้านศาสนาได้เพิ่มมาตรการที่จะควบคุมอิทธิพลของพระสงฆ์ที่มีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง เช่นพระปามักคา
การปล่อยตัวพระสงฆ์รูปนี้เกิดขึ้นพร้อมกับคำสั่งห้ามเทศนาเป็นเวลา 1 ปี ของพระวิระธูได้สิ้นสุดลง อันเป็นผลจากคำสอนที่สร้างความเกลียดชังทางศาสนา และนำมาซึ่งความไม่สงบระหว่างชุมชน