มัสยิดประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1822 ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของชาวเกาะที่มีผู้อยู่อาศัย 1,700 คนได้ ตามการเปิดเผยของชาวบ้าน และเอกอัครราชทูตตุรกี
เกาะที่เก่าแก่นอกชายฝั่งของประเทศเซเนกัลหวังว่าตุรกีจะช่วยฟื้นฟูมัสยิดเก่าแก่ประจำเกาะแห่งนี้ได้
มัสยิดซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1822 เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศนับเป็นสถานที่ละหมาดเพียงแห่งเดียวบนเกาะเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งของเมืองหลวงของเมืองดาการ์ และเป็นเมืองที่มีบทบาทในการค้าทาสในมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นเวลานานหลายศตวรรษ
ชาวเกาะแห่งนี้ต้องการบูรณะมัสยิดประวัติศาสตร์แห่งนี้ จากความช่วยเหลือของตุรกีเนื่องจากปัจจุบันมัสยิดไม่สามารถรองรับความต้องการในการใช้บริการของประชาชนในพื้นที่
ตามการสำรวจสำมะโนประชากรปีของเซเนกัลประจำปี 2013 เกาะแห่งนี้มีประชากรประมาณ 1,700 คนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
นอกจากเป็นสถานที่สำหรับประกอบอิบาดะห์แล้ว ชาวบ้านในเกายังต้องการให้อาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเกาะด้วย
นาย Nihat Civaner เอกอัครราชทูตตุรกีประจำกรุงดาการ์ได้กล่าวกับสำนักข่าว Anadolu ว่าเขาได้เยี่ยมชมมัสยิดตามความต้องการของชาวบ้าน
ชาวบ้านพูดว่ามีเพียงตุรกีเท่านั้นที่สามารถช่วยเราได้เพราะเป็นประเทศเดียวที่สนับสนุนการทำกุรบานในวันอิดิลอัฎฮาที่นี่เป็นประจำทุกปี
เขาบอกว่ามัสยิดมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับชุมชน และจำเป็นต้องขยาย
“ตุรกีไม่เคยไม่สนใจต่อความต้องการของชาวแอฟริกัน”
ตั้งแต่ปี 2004 ตุรกีได้ขยายอิทธิพลไปยังทวีปแอฟริกา โดยมีการเปิดสถานเอกอัครราชทูตหลายสิบแห่งรวมทั้งสนธิสัญญาทวิภาคีต่างๆทั่วทั้งทวีป
นายกรัฐมนตรีตุรี และปัจจุบันประธานาธิบดี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน ได้เดินทางเยือนประเทศแอฟริกาอย่างเป็นทางการแล้ว 24 ประเทศซึ่งรวมถึงเซเนกัลซึ่งเขากล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า “เซเนกัลเป็นเพื่อนที่มีค่า และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์”