กองกำลังติดอาวุธของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด กำลังเตรียมปฎิบัติการ “ใหญ่” ทางทหารในการบุกโจมตีเมืองดูมา ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านซีเรียที่ยังคงเหลืออยู่ในดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออก หลังนักรบในพื้นที่บางส่วนได้ปฎิเสธการวางอาวุธ และออกจากพื้นที่ ขณะที่พลเรือนอีกเรือนแสนยังคงอยู่ในพื้นที่ไม่ได้รับการอพยพ
อัล-ญะซีเราะห์รายงานจาก หนังสือพิมพ์อัลวานันสื่อท้องถิ่นของบาชาร์ อัล-อัสซาด รายงานเมื่อวันพุธที่(28 มีนาคม)ผ่านมาว่า กองกำลังบาชาร์ ได้ส่งนักรบกระจายกำลังไปทั่วพื้นที่ซึ่งเป็นที่มั่นภายใต้การปกครองของนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรีย Jaish al-Islam
การระดมกำลังเตรียมเผชิญหน้ากับนักรบฝ่ายต่อต้านซีเรีย หากพวกเขาไม่อพยพออกจากพื้นที่
กองทัพรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของบาชีร์ อัล-อัสซาด ได้เจรจากับกลุ่ม Jaish al-Islam ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการเจรจายังไม่ประสบผลสำเร็จ
พลเรือนชาวซีเรียราว 140,000 คนยังคงอยู่ภายในเมือง Douma ด้วยการเข้าถึงอย่างจำกัดของอาหาร, น้ำ และยา
สภาท้องถิ่นของเมือง Douma ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่ม Jaish al-Islam เปิดเผยแถลงการณ์เมื่อวันอังคารกับอัล-ญะซีเราะห์ ระบุว่ากลุ่มนักรบได้เรียกร้องให้รัสเซียขยายการพักรบ และกระจายความช่วยเหลือไปอย่างทั่วถึง
นักเคลื่อนไหวในเมือง Douma บอกกับอัล-ญะซีเราะห์ ว่าพลเรือนในพื้นที่ตอนนี้หมดแรง และ “สูญเสียความเชื่อมั่นในการเจรจาระหว่างรัสเซีย และกลุ่มนักรบ”
โดยมีพลเรือนราว 400 คน ได้หลบหนีจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจากค่ายลี้ภัย al-Wafideen ไปยังศูนย์พักพิงภายใต้การควบคุมของบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ตั้งอยู่นอกเขตฆุตเฎาะห์ตะวันออก แม้ทางกลุ่มนักรบจะร้องขอให้ประชาชนรอผลของการเจรจา แต่ทว่าบางส่วนของพลเรือนที่หลบหนีเป็นผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
นับตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองกำลังบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ปิดล้อมพื้นที่ให้เข้มงวดให้มากขึ้น และปฎิบัติการทางอากาศ และภาคพื้นที่อย่างหนักหน่วง ด้วยการสนับสนุนของรัสเซีย และกลุ่มติดอาวุธจากอิหร่าน หลังดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออกแห่งนี้ถูกปิดล้อมมาตั้งแต่ปี 2013
หลังการโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ ส่งผลให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกลุ่มนักรบ 2 กลุ่มย่อยในพื้นที่ได้ทำข้อตกลงกับรัสเซียในการอำพยพพลเรือนราว 19,000 คนจากฆุตเฎาะห์ไปยังจังหวัดอิดลิบ ดินแดนทางตอนเหนือของซีเรีย
ข้อตกลงดังกล่าวทำขึ้นโดยไม่ได้รับการรับรองจากกลุ่มนักรบหลักในพื้นที่อย่าง Faylaq al-Rahman และ Ahrar al-Sham และยังมีพลเรือนชาวซีเรียจำนวนมากที่ติดอยู่ในพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาตสำหรับการอพยพ
