กษัตริย์อับดุลลอฮฺที่ 2 แห่งจอร์แดนได้กล่าวในการเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำสันนิบาตอาหรับครั้งที่ 29 ในเมือง Dhahran ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันอาทิตย์ที่(15 เมษายน)ผ่านมา เน้นย้ำความสำคัญในการแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐเคียงคู่กันในการแก้ปัญหาตะวันออกกลาง และประณามการตัดสินใจของสหรัฐที่จะย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
กษัตริย์ซัลมานของซาอุดีอาระเบียได้กล่าวประณามการคำประกาศของสหรัฐฯที่จะย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ขณะที่เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกรุงเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของปาเลสไตน์ และเขากล่าวว่าเปลี่ยนชื่อการประชุมสุดยอดผู้นำสันนิบาตอาหรับเป็นการ “ประชุมสุดยอดเยรูซาเล็ม” ในการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์
เขาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศมีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อการรุกรานของอิหร่านในภูมิภาค รวมทั้งกองกำลังติดอาวุธที่ขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวเยเมนที่ตกอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมือง
เลขาธิการสมัชชาแห่งชาติอาหรับ Ahmed Aboul Gheit กล่าวว่าภัยคุกคามหลักที่ชาวอาหรับเผชิญอยู่มีความสำคัญ และเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
Aboul Gheit กล่าวว่า “ความท้าทายในปัจจุบันเรียกร้องให้มีการหารือเกี่ยวกับความสำคัญของความมั่นคงของประเทศอาหรับ
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อ “การล่มสลายของบ้านเกิดเมืองนอน และการสูญเสียศักดิ์ศรีของชาวซีเรีย”
“ประเด็นสำคัญ ๆ ในภูมิภาคทั้งหมดอยู่ในวาระการประชุมทั้งซีเรีย, เยเมน และปาเลสไตน์” Ali Al-Kayed ทูตจอร์แดน ประจำซาอุดิอาระเบียระบุ
ดร. Ibrahim Al-Qayid สมาชิสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (NSHR) กล่าวว่าการสังหารหมู่เมื่อวันเสาร์(การใช้อาวุธเคมีโจมตีในฆุตเฎาะห์ตะวันออก)เป็นการกระทำที่ชาติตะวันตก และอาหรับประณามว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติโดยการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนอย่างต่อเนื่อง
เขาเสริมว่า “มีความจำเป็นเร่งด่วนในการขจัดวิกฤตการณ์ในซีเรียซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรต้องหนีออกจากประเทศ หรือกลายเป็นคนพลัดถิ่น”
เขาตั้งคำถามว่า” โลกควรนั่งดู (ผู้ปกครองอย่างบาชาร์อัสซาด) กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศของตนเองกระนั่นหรือ? ”
เขายังเรียกร้องให้ผู้นำชาติอาหรับดำเนินการอย่างเข้มงวดและเด็ดขาดเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั้งหมด
การประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับครั้งที่ 29 จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติคิงอับดุลอาซิส ในเมือง Dhahran ของซาอุดิอาระเบีย โดยมีผู้นำ 22 ประเทศเข้าร่วม
ขณะที่ในส่วนของการประชุมระดับรัฐมนตรีที่จัดขึ้นในวันพฤหัสบดี(12 เมษายน)ระบุว่าจะไม่มี “สันติภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคตราบเท่าที่อิหร่านยังคงแทรกแซงกิจการภายในประเทศอาหรับ”
การประชุมดังกล่าวนำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย Adel Al-Jubeir ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ในการรับช่วงการเป็นประธานต่อจาก Ayman Safadi แห่งจอร์แดน
ที่ประชุมมีความเห็นว่าการที่ชาติอาหรับมีบทบาทน้อยลงมีผลโดยตรงต่อสถานการณ์ในประเทศซีเรียที่เกิดขึ้นจาก “การครอบงำอำนาจที่มาจากต่างชาติ” เพื่อปูทางสู่การสลายตัวของประเทศในที่สุด “วิกฤติการณ์ในประเทศซีเรียสามารถแก้ได้ด้วยทางออกทางการเมือง” เขากล่าวเสริม