โรฮิงญาหลายร้อยคนรวมตัวกันในวันอาทิตย์ (29 เมษายน) ขณะที่คณะทูตจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเดินทางมาเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ ที่ชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 700,000 คน ใช้เป็นที่พักหลังจากหนีตายจากการปราบปรามทางทหารของพม่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2017 เป็นต้นมา
ชาวโรฮิงญาบางส่วนหลั่งน้ำตาขณะบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับการสังหาร และการข่มขืนในพม่ากับบรรดาทูต ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ชาวโรฮิงญาได้ชูป้ายเรียกร้องความยุติธรรมจากการกระทำทารุณต่อพวกเขา ก่อนที่ตำรวจบังกลาเทศจะขอให้ยุติการชุมนุม
คณะนักการทูตระดับสูงจากคณะมนตรีความมั่นคง ที่รวมทั้งสมาชิกถาวรจากสหรัฐฯ รัสเซีย จีน อังกฤษ และฝรั่งเศส เดินทางถึงบังกลาเทศเมื่อวันเสาร์ (28) เพื่อเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 4 วัน และหลังจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังพม่าที่พวกเขาจะได้พบหารือกับนางอองซานซูจี ผู้นำพม่า
พม่าเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากต่างประเทศจากการปราบปรามของทหารที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 25 สิงหาคม ที่สหประชาชาติเรียกการปราบปรามที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์
คณะมนตรีความมั่นคงได้เรียกร้องการเดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัยของโรฮิงญา และการยุติการแบ่งแยกกีดกีนคนกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากรัสเซียซึ่งคอยขัดขวางมติต่างๆ ของสหประชาชาติที่มีต่อพม่าออกมาอ้างว่า คณะมนตรีไม่ได้มีไม้วิเศษที่จะแก้ไขสิ่งที่เวลานี้เป็นหนึ่งในวิกฤติผู้ลี้ภัยที่เลวร้ายที่สุดของโลก
“เราไม่ได้เมินเฉยต่อวิกฤตินี้ เราไม่ได้ปิดตาของเรา” ผู้แทนจากรัสเซีย อ้างกับนักข่าว
ทูตอังกฤษประจำสหประชาชาติกล่าวว่า โรฮิงญาต้องได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านภายใต้เงื่อนไขของความปลอดภัย
“มันอาจต้องใช้เวลาอยู่บ้างแต่เราต้องการได้ยินจากรัฐบาลพม่าถึงความต้องการที่จะทำงานร่วมกับประชาคมโลก” ทูตอังกฤษประจำสหประชาชาติ กล่าว
คณะทูตจากสหประชาชาติได้เยี่ยมค่ายโกนาพาราเป็นครั้งแรก ค่ายที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ไร้ผู้ครอบครองระหว่างบังกลาเทศและพม่า ที่มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ราว 6,000 คน ตั้งแต่การเกิดขึ้นของการปราบปรามทางทหารเมื่อ 25 สิงหาคม 2017
ดิน โมฮัมหมัด แกนนำโรฮิงญาประจำค่ายกล่าวว่า คณะทูตได้พูดคุยกับผู้หญิงรายหนึ่ง ที่เป็นเหยื่อความรุนแรงในรัฐยะไข่ของพม่า รวมทั้งผู้อาวุโสในชุมชน
“เราบอกพวกเขาว่าเรามาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อรักษาชีวิตของพวกเรา เรามีความต้องการอย่างมากที่จะเดินทางกลับไปยังดินแดนของเรา” โมฮัมหมัด กล่าว
ในเวลาต่อมา นักการทูตได้เดินทางไปยังค่ายกุตุปะหลอง ค่ายขนาดใหญ่ที่มีชาวโรฮิงญาหลายร้อยคนรวมตัวชุมนุม และถูกตำรวจเข้าควบคุมการชุมนุมก่อนที่คณะทูตจะเดินทางถึง
“เราต้องการเรียกคืนสิทธิความเป็นพลเมืองของเราภายใต้กลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงญา เราต้องการความมั่นคงและการคืนที่ดินและทรัพย์สินที่ถูกยึดไปของเรา” แกนนำชาวโรฮิงญาในค่ายกุตุปะหล่อง กล่าว
สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงต่างรู้สึกตกใจจากเรื่องราวเกี่ยวกับการข่มขืน สังหาร และทรมาน ที่ชาวโรฮิงญาต้องเผชิญในรัฐยะไข่
คณะผู้แทนของคณะมนตรีความมั่นคงยังมีกำหนดพบหารือกับนายกรัฐมนตรีชีค ฮาซินา ของบังกลาเทศ ในวันจันทร์ (30) ก่อนเดินทางไปยังพม่า โดยคณะจะนั่งเฮลิคอปเตอร์บินเหนือรัฐยะไข่เพื่อดูซากหมู่บ้านที่ถูกเผาระหว่างเกิดเหตุความรุนแรง
ทูตคูเวตระบุว่าการเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตำหนิ หรือประณามพม่า แต่ต้องการแสดงข้อความที่ชัดเจนมากขึ้นต่อพม่าว่าประชาคมโลกกำลังติดตามสถานการณ์นี้และมีความสนใจอย่างมากกับการแก้ไขปัญหา