นโยบายโหด!! สหรัฐฯ ขู่จับแยก “พ่อแม่-ลูก” ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย

เจฟฟ์ เซสชันส์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกมาขู่วันจันทร์ (7 พฤษภาคม ) ว่าเด็กที่ถูกพาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจะต้องถูกจับแยกจากพ่อแม่

เซสชันส์ ซึ่งเดินทางไปยังแนวกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ระบุว่า “ถ้าคุณข้ามแดนมาอย่างผิดกฎหมาย เราจะเอาผิดคุณ และถ้าคุณพาคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าสหรัฐฯ เราก็จะเอาผิดคุณ”

“ถ้าคุณลักลอบนำเด็กเข้ามา เราจะเอาผิดคุณ และเด็กเหล่านั้นจะต้องถูกจับแยกจากคุณด้วย ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้”

นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพรมแดนสหรัฐฯ อันสะท้อนถึงนโยบายความอดทนเป็นศูนย์ต่อผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย

เมื่อเดือน มีนาคม ทรัมป์ได้ไปที่เมืองอูทายเมซา (Otay Mesa) ซึ่งอยู่ห่างจากแซนดีเอโกราวๆ 1 ชั่วโมงรถยนต์ เพื่อตรวจสอบต้นแบบกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโกซึ่งเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อตอนหาเสียง

เซสชันส์ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมจะส่งผู้พิพากษาคดีคนเข้าเมืองอีก 18 คน และอัยการอีก 35 คน มาปฏิบัติหน้าที่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้องของชาวอเมริกันที่ต้องการให้รัฐบาลควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวดมานานหลายสิบปีแล้ว

“ชาวอเมริกันร้องขอสิ่งนี้ด้วยความถูกต้องและเป็นธรรม พวกเขาไม่ผิดที่ต้องการพรมแดนที่ปลอดภัยและมั่นคง และต้องการรัฐบาลที่ทราบว่าใครอาศัยอยู่ที่นี่ และใครที่ไม่ใช่”

“โดนัลด์ ทรัมป์ ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วยแนวคิดนี้ และผมเชื่อว่านี่คือเหตุผลสำคัญที่เขาชนะ เขามีความกระตือรือร้นที่จะทำมันจริงๆ ทุกคนในรัฐบาลทราบดี”

ระหว่างที่ เซสชันส์ กำลังพูดอยู่นั้น มีผู้ประท้วงรายหนึ่งตะโกนผ่านโทรโข่งขึ้นมาว่า “ชั่วร้าย” (evil) และถามเขาว่า “ยังมีหัวจิตหัวใจบ้างไหม”

คณะกรรมาธิการพรรคเดโมแครตแห่งชาติ (DNC) ได้ประณามคำพูดของ เซสชันส์ พร้อมตำหนินโยบายคนเข้าเมืองของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ “ดูหมิ่นค่านิยมอเมริกัน”

“รัฐบาลชุดนี้กำลังจะแยกครอบครัวออกจากกัน กักขังผู้อพยพอย่างไร้เหตุผล ปล่อยให้เด็กๆ ที่เกิดในสหรัฐฯ ต้องไร้พ่อแม่ และสร้างความหวาดกลัวต่อชุมชนผู้อพยพ ในขณะที่เอาเงินภาษีประชาชนไปสร้างกำแพงที่แบ่งแยกและไร้ประสิทธิภาพ” คำแถลงจาก DNC ระบุ

สัปดาห์ที่แล้ว คาราวานผู้อพยพเกือบ 200 คนเดินทางมาถึงเมืองตีฮัวนา (Tihuana) ของเม็กซิโกซึ่งอยู่ติดชายแดนสหรัฐฯ หลังใช้เวลาเดินเท้ามาแรมเดือน และกำลังเริ่มเข้าสู่กระบวนการขอลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา

ความคิดเห็น

comments