ศธ.แก้ระเบียบฯ ปิดช่องสวมฮิญาบในโรงเรียน “ที่ธรณีสงฆ์”

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ฉบับที่ 2 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาให้นักเรียนมุสลิมในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ การจะแต่งเครื่องแบบตามหลักศาสนา ต้องเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างวัดกับสถานศึกษา ไม่สามารถแต่งได้ตามความสมัครใจตามระเบียบเดิม

ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2561 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษานี้ ลงนามโดย นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2561 มีเนื้อหาแก้ไขระเบียบเดิม ข้อ 12 วรรคท้ายที่ระบุว่า “นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่งหรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดได้ตามความสมัครใจ” ซึ่งหมายถึงการเปิดเสรีให้นักเรียนมุสลิม เลือกแต่งกายตามหลักศาสนาได้ หรือจะแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบของโรงเรียนก็ได้

ส่วนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ฉบับใหม่ที่เพิ่งแก้ไขและประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้ปรับแก้ข้อความใหม่ดังนี้ “นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่งหรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดได้ตามความสมัครใจ ยกเว้นสถานศึกษาที่ขอใช้พื้นที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์เป็นที่ตั้งของสถานศึกษา การแต่งเครื่องแบบนักเรียนให้เป็นไปตามสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างวัดกับสถานศึกษา”

การแก้ไขระเบียบฯออกมาลักษณะนี้ เท่ากับว่าโรงเรียนวัด ซึ่งหมายถึงโรงเรียนที่อยู่ในเขตวัด หรือตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ของวัด นักเรียนมุสลิมต้องแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนตามข้อตกลงระหว่างวัดกับสถานศึกษา ซึ่งก็คือยึดตามระเบียบของโรงเรียนนั่นเอง หากไม่เปิดช่องให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ก็ไม่สามารถแต่งได้

การแก้ไขระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการแก้ไขเพื่อปลดล็อคปัญหา “ฮิญาบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี” ซึ่งหมายถึงกรณีที่ผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้บุตรหลานของตนสวมเครื่องแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม คือนักเรียนหญิงให้สวมฮิญาบ (ผ้าคลุมผม) ส่วนนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาว ซึ่งไม่ตรงตามระเบียบของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี แต่อ้างระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ซึ่งเปิดช่องให้นักเรียนมุสลิมเลือกแต่งกายตามหลักศาสนา หรือจะแต่งเครื่องแบบตามระเบียบของโรงเรียนก็ได้ ตามความสมัครใจ

ข้อเรียกร้องของผู้ปกครองมุสลิมกลุ่มนี้เกิดขึ้นในช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2561 ช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และต่อมาได้รับอนุญาตจากที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งปลัดกระทรวง และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯกพฐ.) กับผู้แทนศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี และผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี จนทำให้เกิดกระแสคัดค้านจากผู้ปกครองนักเรียนกลุ่มอื่น รวมถึงสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยอ้างเหตุผลว่าโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่บน “ที่ธรณีสงฆ์” ของวัดนพวงศาราม อ.เมืองปัตตานี โดยมีสัญญายืมใช้ที่ดินชัดเจนตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 และระบุให้เจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม มีอำนาจในการสอดส่องดูแลกิจการต่างๆ ของโรงเรียน

กระแสคัดค้านดังกล่าว นำไปสู่การเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการแก้ไขระเบียบฯว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 โดยให้ยกเว้นการให้สิทธิเลือกแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามแก่นักเรียนมุสลิม เฉพาะโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งในที่สุดก็มีการแก้ไขระเบียบดังกล่าว

ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาการเรียกร้องให้นักเรียนมุสลิมแต่งกายตามหลักศาสนามาแล้ว ที่โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2553 กระทั่งมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย มีมติเมื่อปี 2554 ยืนยันสิทธิ์ขาดในการดูแลปกครองโรงเรียน และสถานที่ราชการทุกแห่ง ที่สร้างอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทย และวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัดเท่านั้น

ที่มา สำนักข่าวอิศรา

ความคิดเห็น

comments