การตัดสินใจของ เมซุท โอซิล (Mesut Ozil) ที่จะเลิกเล่นให้กับทีมชาติเยอรมันได้ก่อให้เกิดกระแสทางออนไลน์หลังจากที่ดาวดังแห่งอาร์เซนอลรายนี้ออกมาระบุว่าสมาคมฟุตบอลเยอรมัน (DFB) เหยียดเชื้อชาติ “เราเป็นชาวเยอรมันเมื่อเราชนะ แต่ถ้าเราแพ้เราจะกลายเป็นผู้อพยพ”
Ozil ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขาได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในแถลงการณ์ยาว ๆ หลายหน้าที่โพสต์บนทวิตเตอร์ของเขา
นักฟุตบอลมุสลิมวัย 29 ปีกล่าวว่าเขารู้สึกโดดเดี่ยวสำหรับความล้มเหลวของทีมเยอรมันในฟุตบอลโลก 2018 เพราะการมีเชื้อสายตุรกีและการพบกับประธานาธิบดีตุรกี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน ในเดือนพฤษภาคม
ในโพสต์ Ozil ผู้ซึ่งเคยพาทีมชาติเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 อธิบายเพิ่มเติมว่าเขารู้สึกว่าเขาได้รับการต้อนรับจาก DFB ที่ต่างกันมากในเกมที่เขาได้รับชัยชนะ และในวันที่เขาพ่ายแพ้
“การต้อนรับที่ได้รับจาก DFB และที่อื่น ๆ หลายที่ ทำให้ ผมไม่อยากสวมเสื้อทีมชาติเยอรมันอีก” Ozil ซึ่งเขาลงทำหน้าที่ภายใต้เสื้อของทีมชาติเยอรมันมาแล้วถึง 92 นัด
“ผมรู้สึกไม่ประทับใจ และคิดว่าสิ่งที่ผมได้ทำมาตั้งแต่ได้รับความนิยมในการเป็นนักฟุตบอลในระดับประเทศตั้งแต่ปี 2009 มันถูกลืมไปหมดแล้ว”
“มันเป็นความหนักใจ และหลังจากการพิจารณา จากเหตุการณ์ล่าสุดผมจะไม่เล่นให้กับประเทศเยอรมนีในระดับสากลอีก ในขณะที่ผมมีความรู้สึกของการถูกเหยียดเชื้อชาติ และการสวมเสื้อทีมชาติเยอรมันด้วยความภาคภูมิใจ และความตื่นเต้นที่เคยเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ผมไม่ … เชิ้อชาติไม่ควรเป็นปัญหา แม้เคยได้รับการยอมรับ”
สมาคมฟุตบอลเยอรมัน (DFB) ยังไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของ Ozil
Ozil ยังได้กล่าวในแถลงการณ์ถึงปัญหาการเหยียดผิวที่เกิดขึ้นกับแฟนบอบเยอรมัน รวมทั้งจดหมายที่ส่งมาให้กำลังใจ มาประกอบการตัดสินใจของเขา
มันเป็นความเห็นเกี่ยวกับการถูกมองว่าเป็นชาวเยอรมันเมื่อทีมชนะ และถูกมอบอย่างเหยียดหยามในฐานะผู้อพยพเมื่อทีมแพ้ ที่เห็นกันได้อย่างแพร่หลายไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ โดยผู้เล่นในยุโรปหลายคนที่มีเชื้อสายจากต่างประเทศต่างประสบปัญหาเดียวกัน
Ozil กล่าวว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ที่ “สื่อมวลชนเยอรมันรายงานซ้ำ ๆ ในการตำหนิในเชื้อชาติของผม และมันเป็นสิ่งที่เห็นได้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งทีม”
Romelu Lukaku ผู้ทำประตูให้เบลเยียมในศึกฟุตบอลโลกก็เคยเขียนไว้ในบทความของเขาใน Tribune เมื่อเดือนที่แล้วว่า “เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ดีผมอ่านบทความจากหนังสือพิมพ์ จะเห็นพวกเขาเรียกผมว่า Romelu Lukaku กองหน้าชาวเบลเยี่ยม แต่เมื่อไม่ชนะพวกสื่อเหล่านั้นจะเขาเรียกผมว่า Romelu Lukaku, กองหน้าชาวเบลเยี่ยมเชื้อสายคองโก”
นักเตะชาวฝรั่งเศสและเรอัลมาดริด Karim Benzema เคยกล่าวในปี 2011 ด้วยเช่นกันว่า “ถ้าผมทำประตูได้ผมก็เป็นชาวฝรั่งเศส … ถ้าผมทำไม่ได้ผมก็เป็นชาวอาหรับ”
ขณะที่แฟนบอลจำนวนมากได้พากันโพสข้อความทางทวิตเตอร์เพื่อสนับสนุน Ozil และต่อต้านความพยายามในการต่อต้านผู้เล่นชาวมุสลิม และชาวแอฟริกัน ในยุโรปด้วยการติดแฮชแทค #IStandWithOzil ซึ่งกำลังกลายเป็นที่นิยมทั่วโลกในขณะนี้
ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อ Joey Ayoub เขียนถึงความคาดหวังที่ไม่เป็นธรรม และไม่สมจริงเกี่ยวกับผู้อพยพโดยเฉพาะผู้อพยพชาวมุสลิมเพื่อพิสูจน์ตัวเองโดยอ้างกรณีของ Mamoudou Gassama หลังจากที่เขาช่วยเด็กวัยหัดเดินที่กำลังจะตกจากระเบียงในฝรั่งเศส
ความพิเศษของ Gassama ได้รับการยกย่องในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสและเนื่องจากความกล้าหาญของเขาเขาได้รับสัญชาติฝรั่งเศส
Ayoub tweeted: “ถ้า Ozil ช่วยเด็กทารกที่กำลังจะตกตึกได้แล้ว ในทำนองเดียวกันเขาก็จะกลายเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดด้วย”
Ronan Murphy ผู้สื่อข่าวประจำเว็บไซต์ฟุตบอล Goal.com กล่าวว่า Ozil ได้ “ตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ในการตอบโต้พฤติกรรมที่ได้รับจากสมาคมฯ DFB”
นักการเมืองเยอรมันหลายคนได้วิจารณ์ Ozil หลังจากที่เขาได้ถ่ายรูปคู่กับประธานาธิบดีตุรกี แต่กลับไม่มีใครตำหนิ หรือวิจารณ์ Lothar Matthaus ที่จับมือกับประธานาธิบดีวลาดิเมีย ปูติน ของรัสเซีย
แม้โฆษกหญิงของนายกรัฐมนตรีแองเกอลา เมอร์เค จะออกมากล่าวชื่นชม Ozil ว่าเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่สร้างคุโนปการอย่างมากต่อทีมชาติ ก่อนที่จะอธิบายว่าปัจจุบันมีชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกีราว 3 ล้านคน และมันเป็นการอยู่อย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามนักการเมืองคนอื่น ๆ กลับไม่มองเช่นนั้น อย่าง Thomas Bareiss นักการเมืองอาวุโสจากพรรคคริสเตียนเดโมแครตของนากยกเยอรมัน กล่าวว่าการลาออกของเขาแสดงให้เห็นว่า “ไม่ให้ความเคารพ” และ “ผิดพลาด”
https://www.facebook.com/doamuslims2/posts/2546615538697526