รัฐบาลตุรกีสั่งเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากสินค้าอเมริกันบางชนิด เช่น รถยนต์นั่ง, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ถูกสหรัฐฯ ใช้การขึ้นภาษีเป็นการโจมตีทางเศรษฐกิจต่อตุรกี
มาตรการตอบโต้ของตุรกีมีขึ้นท่ามกลางวิกฤตค่าเงินลีราที่ร่วงดิ่งเหวเป็นประวัติการณ์จากสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติพันธมิตรนาโต ซึ่งมีชนวนเหตุมาจากการจับกุมนักบวชชาวอเมริกัน รวมถึงข้อพิพาทการทูตอื่นๆ
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (10 สิงหาคม) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรอะลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่นำเข้าจากตุรกีเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 20% และ 50% ตามลำดับ
กฤษฎีกาซึ่งประธานาธิบดี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน ได้ลงนามและเผยแพร่ลงในกิจจานุเบกษาของประเทศ กำหนดอัตราภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มเป็น 120% ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และใบยาสูบเพิ่มเป็น 140% และ 60% ตามลำดับ ส่วนสินค้าจำพวกเครื่องสำอาง ข้าว และถ่านหินก็จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นกัน
“สินค้าบางประเภทจะถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นภายใต้หลักการตอบสนอง (reciprocity) หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ โจมตีเศรษฐกิจของเราโดยเจตนา” รองประธานาธิบดี ฟูอัต ออกเตย์ แถลงผ่านทวิตเตอร์
การถูกเล่นงานจากสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินลีราตุรกีดิ่งรูดกว่า 40% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และกระตุ้นให้ธนาคารกลางตุรกีต้องออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงค่าเงินท้องถิ่น
ค่าเงินลีราดีดตัวขึ้นราวๆ 8% ในวันอังคาร (14) หลังมีกระแสข่าวว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังตุรกีเตรียมเปิดแถลงข่าวสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในวันพฤหัสบดี (16)
นักลงทุนต่างกังวลที่ ออโดกัน จะใช้อิทธิพลแทรกแซงการบริหารเศรษฐกิจ และยังปฏิเสธที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่ภาวะเงินเฟ้อพุ่งถึงระดับตัวเลขสองหลัก
ออโดกัน ระบุว่า ตุรกีกำลังตกเป็นเป้าหมายของชาติที่มุ่งทำสงครามเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้ชาวเติร์กช่วยกันนำเงินดอลลาร์และยูโรมาแลกเป็นลีราเพื่อพยุงค่าเงินของตุรกี ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14) ยังได้ประกาศบอยค็อตต์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐฯ ด้วย
