จีนป้องพม่า ปราม UN อย่ากดดันพม่าแก้โรฮิงญา

จีนอ้างว่า การกดดันพม่ามากเกินไปนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาชาวมุสลิมโรฮิงญาในพม่า หลังผู้สืบสวนสหประชาชาติสรุปผลสอบสวนชี้ชัดว่า ทหารพม่าดำเนินการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชนกลุ่มน้อยกลุ่มน้อยโรฮิงญา และอองซานซูจี ไม่เคยขัดขวาง หรือป้องกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

รายงานของสหประชาชาติที่ออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (27) นับเป็นครั้งแรกที่สหประชาชาติได้เรียกร้องอย่างชัดเจน ให้มีการดำเนินคดีข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพพม่า จากปฎิบัติการปราบปรามชาวโรฮิงญา

ผู้สืบสวนเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติกำหนดมาตรการห้ามค้าอาวุธกับพม่า และกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับเจ้าหน้าที่ และตั้งศาลขึ้นเป็นกรณีเฉพาะเพื่อพิจารณาคดีกับผู้ต้องสงสัย หรือยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

แต่ทว่าจีนซึ่งเป็นหนึ่งในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และคอยยกมือขัดขวางทุกความพยายามของสหประชาชาติในประเด็นโรฮิงญา

โดยจีนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและคู่ค้าสำคัญของพม่า และยังสนับสนุนสิ่งที่เจ้าหน้าที่พม่าเรียกว่าเป็นปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบในรัฐยะไข่ด้วย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้แสดงความเห็นดังกล่าวขึ้นระหว่างการแถลงสรุปประจำวันในกรุงปักกิ่ง เมื่อถูกถามถึงรายงานของสหประชาชาติ โดยระบุว่า ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และชาติพันธุ์ของปัญหารัฐยะไข่นั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก

“เราคิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์เพียงฝ่ายเดียว หรือการกดดันมากเกินไปไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา” หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าว

หัว ชุนอิง อ้างว่า พม่าและบังกลาเทศมีความคืบหน้าในการเจรจาหารือ ดังที่เห็นได้จากข้อตกลงการส่งกลับผู้ลี้ภัยโดยสมัครใจให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี

“ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ประชาคมระหว่างประเทศควรมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการส่งเสริมสนับสนุนพม่า และบังกลาเทศแก้ไขปัญหารัฐยะไข่อย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ” หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนอ้าง

ผู้สืบสวนสหประชาชาติกล่าวในรายงานว่า การกระทำของทหารพม่าไม่ได้สัดส่วนกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงตามความเป็นจริง และชี้ว่านางอองซานซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือน ล้มเหลวที่จะใช้อำนาจทางศีลธรรมของตนปกป้องคุ้มครองพลเรือน

ความคิดเห็น

comments