เมื่อวันจันทร์ (27 สิงหาคม) ที่ โรงงานผลิตยาสูบ 6 นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดผลิตบุหรี่ โรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท โดยมี นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย และ นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยคณะผู้บริการและพนักงานการยาสูบแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ
ayutthaya.go.th รายงานว่านางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การใช้พื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนพื้นที่กว่า 220 ไร่ เป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ เชื่อว่า การลงทุนครั้งนี้ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และจะได้รับผลตอบรับกลับมาในทางที่ดี เนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางสำคัญในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะมีการบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี วิกฤตนั้น ไม่ใช่จะมีแต่เฉพาะกับโรงงานยาสูบเท่านั้น มันก็คงมีวิกฤตในหลายๆ อุตสาหกรรม หลายๆ ธุรกิจ ซึ่งเราเองก็ต้องปรับตัว เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมการว่า เราจะทำอย่างไรถึงจะทำให้โรงงานใหม่ของเรามีความคุ้มค้าของการใช้งาน เผอิญว่าเราเองพึ่งได้รับการเป็นนิติบุคคล เพราะฉะนั้นแผนงานของเราก็อยู่ระหว่างเตรียมการ ซึ่งในหลายๆ เรื่องก็ต้องมาใช้สถานที่ที่นี่ในกระบวนการผลิต เพราะว่าเครื่องจักรของเราขณะนี้ถือว่าทันสมัย เพื่อให้เกิดการคล่องตัวและรับงานจากหน่วยงานจากภายนอกได้
ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ โครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ได้แล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมผลิตบุหรี่ที่มีคุณภาพ สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภค และแข่งขันในระดับสากลได้ รวมถึง ในอนาคตจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล เพื่อนำไปพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมากรมสุขภาพจิต เผยผลสำรวจ พบนักเรียนอายุ 13-17 ปี ร้อยละ5.8 ติดบุหรี่ขั้นงอมแงม นอกจากนี้ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2557 พบว่าวัยรุ่นอายุ 15-24 ปี สูบบุหรี่ 1.4 ล้านกว่าคน เฉลี่ยเริ่มสูบครั้งแรกอายุน้อยลงเริ่มที่ 16 ปี ส่วนผลการสำรวจของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ในปี2559 ได้สำรวจกลุ่มนักเรียนอายุ 13-17 ปี ที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นถึงมัธยมตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพปี 1-3 ทุกสังกัดการศึกษา พบว่ามีเด็กสูบและติดบุหรี่ขั้นงอมแงม ร้อยละ 5.8 หรือจำนวนประมาณ 230,000 คน จากเด็กกลุ่มวัยนี้ที่มีทั้งหมด 4 ล้านกว่าคน และมีอีกร้อยละ 2.4 หรือจำนวนประมาณ 96,000 คน ที่ติดบุหรี่อย่างหนัก
ด้านสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า ผลวิจัยของวงการจิตแพทย์ระดับโลก ระบุว่านิโคตินจะออกฤทธิ์กระตุ้นที่สมองส่วนหน้า ให้ทำหน้าที่ปล่อยสารที่ทำให้เกิดความพอใจ สุขใจ ทำให้ผู้สูบรู้สึกดีขึ้น และจะทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการสร้างสารที่ทำให้เกิดความพอใจด้วยตัวเอง ยิ่งสูบมากก็จะมีประสาทตัวรับรู้และตัวสั่งมากขึ้น จึงเกิดความต้องการนิโคตินมากขึ้นวนไปวนมา เมื่อสมองวัยรุ่นถูกกระตุ้นอยู่ในสภาพนี้นานๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคืออาการวิตกกังวล อาการซึมเศร้า จึงต้องสูบเพื่อเติมนิโคตินเข้าไป ให้ความรู้สึกกลับคืนมา จึงกล่าวได้ว่าบุหรี่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตโดยตรง และผลวิจัยยังพบว่า บุหรี่เป็นยาเสพติดต้นทางของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน นำไปสู่การเสพยาเสพติดชนิดร้ายแรงขึ้น เช่น โคเคน เมทแอมเฟตามีน รวมทั้งเหล้า เป็นต้น