อินโดฯประกาศภาวะฉุกเฉินสุลาเวสี 14 วัน พร้อมเปิดรับความช่วยเหลือทุกด้าน

สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉินเกาะสุลาเวสี 14 วัน หลังแผ่นดินไหว สึนามิถล่ม ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงกว่า 800 คนแล้ว พร้อมเปิดรับความช่วยเหลือทุกด้านเต็มที่

นสพ.จากาตาร์โพสต์ ได้รายงานความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.5 แมกนิจูด เมื่อวันศุกร์ที่ (28 กันยายน) ที่ผ่านมา บนเกาะสุลาเวสี ตอนกลางของประเทศ และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มตามมา โดยสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BNPB) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมืองสุวาเวสี เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม

ด้านเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะยังมีคนอีกนับสิบติดอยู่ใต้ซากตึกโรงแรมและห้างสรรพสินค้าในเมืองปาลู ซึ่งห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 1,500 กิโลเมตร ไม่รวมอีกหลายร้อยชีวิตที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับบ้านเรือนที่ถูกดินถล่ม

ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ได้ทวีตข้อความเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (30 กันยายน) ว่า “ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนในจังหวัดสุลาเวสีกลาง เราทุกคนต่างก็รู้สึกเสียใจ”

โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงจาการ์ตาว่า การเข้าถึงผู้ประสบภัยคือภารกิจสำคัญอันดับแรก

“หลายพื้นที่ยังอพยพคนออกมาไม่ได้เนื่องจากขาดเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น แต่เครื่องมือเหล่านี้เริ่มถูกส่งไปถึงปาลูแล้วตั้งแต่เมื่อคืน” วิโดโด กล่าว พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะส่งเสบียงอาหารขึ้นเครื่องบินลำเลียง C-130 จากกรุงจาการ์ตาไปยังปาลูให้ได้มากที่สุด

ผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วส่วนใหญ่อยู่ในเมืองปาลูซึ่งมีประชากรราว 379,000 คน และทางการเตรียมจะจัดพิธีฝังศพหมู่ทันทีที่สามารถพิสูจน์เอกลักษณ์ของศพได้

อย่างไรก็ตาม ยอดผู้เสียชีวิตยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ และอาจถึงหลักพันกว่าคน โดยจุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเมืองดองกาลา (Donggala) ซึ่งมีประชากรราว 300,000 คน และอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว รวมถึงอีก 2 เขตคือ ซิกิ (Sigi) และเกาะ Parigi Mouton ที่การสื่อสารถูกตัดขาดไปตั้งแต่วันศุกร์(28)

ขณะที่ PT Telkom Indonesia บริษัทที่ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย ระบุ กำลังดำเนินการซ่อมระบบเพื่อให้กลับมาใช้บริการได้ตามปกติ ปัจจุบันบริการ SMS และ Voice Call ได้เริ่มใช้ได้แล้วในหลายจุดในเมืองปาลูแล้ว

พื้นที่ประสบภัยทั้งหมดนี้มีประชากรรวมกันราวๆ 1.4 ล้านคน ล่าสุดยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว 832 รายแล้ว

ล่าสุดมีรายงานชาวต่างชาติสูญหาย 5 ราย โดยเป็นพลเมืองฝรั่งเศส 3 ราย, เกาหลีใต้ 1 ราย และมาเลเซียอีก 1 ราย

ที่ย่านโปโบยา (Poboya) ซึ่งเป็นเนินเขาเหนือเมืองปาลู อาสาสมัครกู้ภัยได้ขุดหลุมยาว 100 เมตรไว้สำหรับฝังศพผู้เสียชีวิต โดยได้รับคำสั่งให้เตรียมพื้นที่เอาไว้ให้เพียงพอสำหรับอย่างน้อย 1,300 ศพ

หน่วยกู้ภัยจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกลหนักเพื่อยกแท่งคอนกรีตที่พังถล่ม แต่หลายพื้นที่ยังไม่สามารถนำอุปกรณ์เข้าไปถึงได้เนื่องจากสะพานขาดและมีดินถล่มลงมาขวางเส้นทาง

รัฐวิสาหกิจพลังงานของอินโดนีเซียได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิง 4,000 ลิตรขึ้นเครื่องบินไปช่วยสนับสนุนงานกู้ภัย ขณะที่หน่วยงานด้านการขนส่งก็เตรียมส่งข้าวสารหลายร้อยตันไปเป็นเสบียงอาหารแก่ผู้ประสบภัยบนเกาะสุลาเวสี

มุลยานี อินดราวาตี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิเหนา แถลงว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 560,000 ล้านรูเปียะห์ หรือ 37.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการเยียวยาภัยพิบัติครั้งนี้

หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เหตุใดระบบเตือนภัยสึนามิของอินโดนีเซียจึงล้มเหลวเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (28) และทำไมประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งจึงไม่รีบอพยพขึ้นที่สูงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ต่อให้ไม่มีประกาศเตือนภัยอย่างเป็นทางการก็ตาม

สุโตโป ปุรโว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอิเหนา ยอมรับต่อสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ (30) ว่า ทุ่นเตือนภัย (tsunami buoys) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับกระแสคลื่นไม่ได้ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2012 เนื่องจากขาดงบประมาณ

ทอม เลิมบอง (Tom Lembong) ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซีย ได้แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า ประธานาธิบดี วิโดโด เปิดรับความช่วยเหลือจากต่างชาติ และตนจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน

“เมื่อคินนี้ประธานาธิบดี @jikowi ได้อนุญาตให้เรารับความช่วยเหลือจากต่างชาติ เพื่อตอบสนองและบรรเทาภัยพิบัติอย่างเร่งด่วน” เขากล่าว พร้อมขอให้องค์กรบรรเทาทุกข์ต่างๆ ติดต่อตนโดยตรงผ่านทางทวิตเตอร์และอีเมล

ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ออสเตรเลีย ไทย และจีนได้เสนอมอบความช่วยเหลือแก่อินโดนีเซียแล้ว ขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้มอบเงินสนับสนุนการกู้ภัยเบื้องต้น 1.5 ล้านยูโร

https://www.youtube.com/watch?v=CL9IhtXt-E8

ความคิดเห็น

comments