ตลอดเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาทางการอิสราเอลได้ดำเนินการในการสั่งห้ามมุอัสซินประจำมัสยิดอิบรอฮีมของปาเลสไตน์อาซานผ่านทางลำโพงถึง 47 ครั้ง ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Youssef Ideis เมื่อวันอาทิตย์ที่(2 ธันวาคม)ผ่านมา
Ideis กล่าวว่าข้อจำกัดนี้เป็นความพยายามของชาวอิสราเอลที่ต้องการทำให้เข้าใจว่ามัสยิดเป็นทรัพย์สินของชาวยิว
เขากล่าวเสริมว่าทางการอิสราเอลห้ามไม่ให้มีการเรียกร้องสู่การละหมาดจากการอาซานผ่านลำโพงของมัสยิด 47 ครั้งในเดือนพฤศจิกายน
Youssef Ideis กล่าวว่า “อิสราเอลใช้วิธีการต่างๆ เพื่อยึดครองมัสยิดอิบรอฮีม และผู้ที่มาละหมาดเพื่อกระชับอำนาจเหนือมัสยิดเช่นเดียวกับที่พวกเขาทำกับมัสยิดอื่น ๆ ในเขตเมืองเก่าของเมือง Hebron”
นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศแทรกแซง และให้การปกป้องสถานที่สำคัญทางศาสนาในทันทีรวมถึงมัสยิดอิบรอฮีมด้วย
มัสยิดอิบรอฮีม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของท่านนบีอิบรอฮีม อลัยฮิสลาม ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Hebron ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความตึงเครียดอีกแห่งหนึ่งเนื่องจากมีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอล 500 คนถูกนำมาอยู่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
ในข้อตกลง 1997 ในการแยก Hebron เข้าไปในพื้นที่ของการควบคุมของทั้งปาเลสไตน์ และอิสราเอล
เขตควบคุมของอิสราเอลในโซน H2 ที่ควบคุมโดยทหารของอิสราเอลประกอบด้วยเมืองโบราณอันเก่าแก่ซึ่งรวมถึงที่ตั้งของมัสยิดอิบรอฮีม โดยมีการแบ่งบางส่วนของมัสยิดไปทำโบสถ์ของชาวยิวเรียกว่า Cave of the Patriarchs (ถ้ำของสังฆราช) และถนน Shuhada ซึ่งเป็นถนนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในอดีต
ทั้งนี้มีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวมากกว่า 500,000 คน บุกรุกเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตเวสต์แบงก์ และเยรูซาเล็มตะวันออกซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ที่มา Ma’an