พบครอบครัวใต้สุขสูงสุด กทม.สุขต่ำสุด

เมื่อวันพุธ (12 ธันวาคม) ที่ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 11 น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในการเสวนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม “ชุมชนและรัฐร่วมสร้างครอบครัวสุขภาวะได้อย่างไร” ว่า ครอบครัวไทยต้องเผชิญปัญหาที่หลากหลายในภาวะครอบครัวเปราะบางและเข้าสู่ยุคเด็กเกิดน้อยและสังคมสูงวัย โดย สสส. ภายใต้แผนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว มุ่งเน้นสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้เด็ก เยาวชน และครอบครัว ตามเป้าหมายของ สสส. ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนครอบครัวอบอุ่นให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ดัชนีครอบครัวอบอุ่นของสังคมไทยมีแนวโน้มลดลง ซึ่งช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา สสส. สนับสนุนโครงการด้านครอบครัวอบอุ่นภายใต้ตัวชี้วัดครอบครัวอบอุ่น ซึ่งมี 3 องค์ประกอบ คือ สัมพันธภาพของคนในครอบครัว บทบาทหน้าที่ของสมาชิกในครอบครัว และการพึ่งตนเอง จึงสนับสนุนการดำเนินงาน 3 โมเดล คือ โมเดลที่ 1 การส่งเสริมครอบครัวอบอุ่นในชุมชน โดยดำเนินการนำร่องใน 11 จังหวัดและปี 2562 จะยกระดับเป็นจังหวัดส่งเสริมครอบครัวอบอุ่นต้นแบบ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ลำปาง พะเยา เลย กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี และตรัง โมเดลที่ 2 สนับสนุนการสร้างเสริมครอบครัวอบอุ่นในองค์กรและหน่วยงานต่างๆ และโมเดลที่3 การขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ เพื่อขยายผลพื้นที่ต้นแบบให้กว้างขึ้น 

ด้าน ศ.ดร. รุจา ภู่ไพบูลย์ อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการดำเนินการโครงการศึกษาครอบครัวไทยแบบบูรณาการตามวงจรชีวิตครอบครัว เรื่อง ครอบครัวไทยยุค 4.0 อยู่ดีมีสุขจริงหรือ? โดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนพ.ย. 2560 – มี.ค. 2561 ด้วยการสำรวจครอบครัวไทย 6,000 ครอบครัว ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง พิษณุโลก นครสวรรค์ หนองคาย อุดรธานี ยโสธร สุรินทร์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ชลบุรี ยะลา สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง และกทม. โดยวัดคะแนนครอบครัวอยู่ดีมีสุขด้วยองค์ประกอบ 9 ด้าน ประกอบด้วย 1 ด้านความร่วมใจและปลอดภัยในชุมชน 2.ด้านสัมพันธภาพ 3.ด้านบทบาทหน้าที่ 4. ด้านเศรษฐกิจ 5. ด้านการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง 6.ด้านความมั่นคง และพึ่งพา 7. ด้านการศึกษา 8. ด้านการดูแลสุขภาพ และ 9 ด้านการพัฒนาจิตวิญญาณ มีคะแนนเต็ม 8 คะแนน

ผลการศึกษาพบว่า ครอบครัวอยู่ดีมีสุขโดยรวม 7.72 คะแนน โดยภาคใต้ครอบครัวอยู่ดีมีสุขสูงสุด 7.89 คะแนน รองลงมา เป็นภาคเหนือ และภาคกลาง 7.73 คะแนน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7.71 คะแนน และต่ำที่สุด คือ กทม. 7.55 คะแนน เมื่อพิจารณารายองค์ประกอบพบว่า คะแนนครอบครัวอยู่ดีมีสุขในด้านเศรษฐกิจต่ำที่สุด และด้านการดูแลสุขภาพสูงที่สุด นอกจากนี้เมื่อแบ่งครอบครัวเป็น 8 ช่วง/ระยะ เพื่อพิจารณาคะแนนความสุขในแต่ช่วงพบว่า ก่อนแต่งงาน/ไม่มีคู่ 3.6 คะแนน เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ ไม่มีบุตร 3.8 คะแนน เลี้ยงดูบุตรเล็ก 3.6 คะแนน เลี้ยงดูบุตรวัยเรียน 3.7 คะแนน เลี้ยงดูบุตรวัยรุ่น 3.7 คะแนน เลี้ยงดูบุตรวัยทำงาน 3.7 คะแนน วัยชรา 3.7 คะแนน และ วัยชราที่เจ็บป่วย 3.6 คะแนน รวมถึงเมื่อพิจารณาจากจำนวนบุตรที่ทำให้มีความสุข พบว่า มีบุตร 4 คน ได้คะแนนสูงสุด 3.81 คะแนน

โดยในเวทีเสวนามี ข้อเสนอนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วมเรื่อง “ชุมชนและรัฐร่วมสร้างครอบครัวสุขภาวะได้อย่างไร” 7 ข้อประกอบด้วย
1.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาระบบเครือข่ายขอบมูล Big Data ทีเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เข้ากับอินเทอร์เน็ตทางด้านสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจครอบครัวเพื่อนำสู่ระบบบริการสุขภาพและระบบบริการทางสังคม ตอบสนองกลับให้ครอบครัวใช้เป็นแหล่งในการพัฒนาศักยภาพในการจัดการดูแลสุขภาวะครอบครัวได้ด้วยตนเองรวมถึงพัฒนาอุปกรณืพกพา อุปรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อใหครอบครัวเข้าถึงได้ง่ายลสนับสนุนท้องถิ่นในการทำหน้าที่ประสานการให้บริการติดตามประเมินผลการบริการด้านสุขภาพและสังคมของครอบครัว
2. สนับสนุนให้เกิดการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก การจัดการความรู้ สร้างนวัตกรรม และการสื่อสาร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของสมาชิกครอครัวในการสร้างสุขภาวะที่บ้านโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนโดยสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาความสามารถของคน องค์กร เครือข่าย ชุมชน เพื่อให้มีความรอบรู้ในการดำเนินงานสร้างสุขภาวะรอบครัวมราคลอบคุลมมิติสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ
3.ขอให้หน่อวยงานที่มีการจัดการศึกษามีนโยบายและสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกระบบจัดให้มีเนื้อหาในหลักสูตรและมีกิจกรรมที่ครอบคลุมการสร้างศักยภาพครอบครัวในการจัดการสุขภาวะที่บ้าน
4.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยกระบวนมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาสังคมในการขยายขอบเขตการดำเนินงานการดูแลสุขภาวะชุมชนไปให้ถึงสุขาวะที่บ้านหรือครอบครัวและจัดการข่ายงานทางสังคมอย่างเป็นระบบเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานการสร้างสุขภาวะที่บ้านที่ตอบสนองความต้องการของครอบครัวครอบคลุมสมาชิกที่มีหลายช่วงวัยหลายสถานะสุขภาพ
5.ขอให้สสส.ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สนับสนุนการดำเนินการพัฒนาและขับเคลื่อนต้นแบบด้านสุขภาวะที่บูรณาการการมีส่วนร่วมของชุมชนในระดับพื้นที่
6.ขอให้มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อการสร้างสุขภาวะในมิตสุขภาพส่งคมและเศรษฐกิจ
และ7.ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการทางภาษีและมาตรการทางการเงินและการคลังรวมถึงองค์ความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสุขภาวะครอบครัวเพื่อเสนอต่อกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาดำเนินการโดยมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

ความคิดเห็น

comments