คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติเมื่อวันพฤหัสบดี(13 ธันวาคม)ได้อนุมัติการขยายการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในซีเรียต่ออีกเป็นเวลาหนึ่งปี อันเป็นผลมาจากสงครามกลางเมืองในซีเรีย มติดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจของรัสเซียที่ต้องการให้ต่ออายุเพียง 6 เดือน
สหรัฐอเมริกาพร้อมกับชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมติการขยายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอีก 1 ปี โดยอ้างอิงถึงความต้องการความช่วยเหลือของซีเรียกว่า 4.3 ล้านคน นอกพื้นที่ยึดครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด สำหรับอุปกรณ์ด้านมนุษยธรรม ตามข้อมูลของสหประชาชาติ
ตัวเลขดังกล่าวของสหประชาชาติรวมทั้งพลเรือนชาวซีเรียอีกมากกว่า 3 ล้านคน ที่จะสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือผ่านทางการดำเนินการข้ามพรมแดนเท่านั้น
ด้านเอกอัครราชทูตรัสเซีย Dmitry Polyanskiy กล่าวในการประชุมกล่าวหาว่าอุปกรณ์บรรเทาทุกข์ถูกยึดโดยกลุ่มติดอาวุธ โดยการกรรโชกที่จุดตรวจ และสร้างรายได้เป็นล้าน ๆ ให้กับผู้ก่อความไม่สงบ
การอนุมัติดังกล่าวช่วยให้องค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถข้ามพรมแดนเข้าไปในซีเรียได้หลังจากแจ้งต่อระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาดโดยตรง
สหรัฐเชื่อว่าไม่มีทางเลือกอื่นที่น่าเชื่อถือสำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือดังกล่าว และกล่าวหาว่าระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาด มีการกระจายความช่วยเหลืออย่างไม่เท่าเทียมกัน โดยจะช่วยเหลือเฉพาะชุมชนจงรักภักดีต่อกลุ่มของตนเป็นหลัก
มติครั้งแรกเกี่ยวกับความช่วยเหลือข้ามพรมแดนได้รับการรับรองเป็นเอกฉันท์ในปี 2014 ซึ่งการดำเนินงานด้านความช่วยเหลือในซีเรีย เป็นความพยายามบรรเทาทุกข์ที่ใหญ่ที่สุดของสหประชาชาติยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีความคืบหน้าน้อยมากในการยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานเกือบ 8 ปี และมีพลเรือนถูกฆ่าตายไปแล้วหลายแสนคน
ที่มา อัล-อาระบียะห์