สัมพันธ์กลับมาแน่นปึก หลังทรัมป์สั่งถอนตัวหนุนเคิร์ด พร้อมถอนทหารพ้นซีเรีย ซ้ำอนุมัติขายขีปนาวุธล็อตใหญ่ให้ตุรกี ล่าสุดประธานาธิบดีรอยับ ตอยยิบ ออร์โดกัน แห่งตุรกี ออกปากเชิญชวนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้ไปเยือนตุรกีในปี 2019 ตามการเปิดเผยของโฆษกทำเนียบขาว
โฮแกน กิดลีย์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า “แม้จะยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน แต่ประธานาธิบดีมีความยินดีที่จะพบกันอีกครั้งในอนาคต”
สถานการณ์ในซีเรียหลังจาก ทรัมป์ ประกาศถอนทหาร, ผลพวงจากคดีฆาตกรรมนักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่สถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล รวมถึงข้อเรียกร้องของตุรกีที่ต้องการให้สหรัฐฯ ส่งตัวนักการศาสนา ฟัตฮุลเลาะห์ กูเลน กลับมาให้ตุรกี คือปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติพันธมิตรนาโต
ทำเนียบประธานาธิบดีตุรกีแถลงในทำนองเดียวกันว่า ทรัมป์ และ ออร์โดกัน ได้ตกลงกันระหว่างพูดคุยโทรศัพท์เมื่อวันอาทิตย์ (23) ว่าจะร่วมมือเพื่อไม่ให้เกิด ‘ช่องว่างทางอำนาจ’ หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มถอนทหารออกจากซีเรียพร้อมยุติการสนับสนุนกลุ่มชาวเคิร์ด
ออร์โดกัน นั้นพอใจอย่างยิ่งที่ ทรัมป์ สั่งถอนทหารออกจากซีเรียอย่างกะทันหันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการปรับนโยบายของสหรัฐฯ จากหน้ามือเป็นหลังมือ รวมถึงการอนุมัติการขายขีปนาวุธล็อตใหญ่ในตุรกีทำให้ความสัมพันธ์ทั้งสองกลับมาคืนดีอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนกองกำลังเคิร์ด YPG ในซีเรียเพื่อเป็นกำลังหลักในการกวาดล้างกลุ่มดาอิช ในขณะที่ตุรกีถือว่านักรบเคิร์ดดังกล่าวเป็น ‘องค์กรก่อการร้าย’
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ อ้างว่า ทรัมป์ ไม่ได้นำแผนถอนทหารอเมริกันไปปรึกษาหารือกับผู้นำตุรกีล่วงหน้า
แต่ทว่าการถอนทหารดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนพร้อมกับการอนุมัติขาย ขีปนาวุธมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.14 แสนล้านบาท) ที่ประกอบด้วยขีปนาวุธแพทริออต 88 ลูก, จรวดสกัดกั้นขีปนาวุธ PAC-3 60 ลูก และยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ให้กับตุรกี
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนตุรกีในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือรายละเอียดเกี่ยวกับการถอนทหารออกจากซีเรีย ตามข้อมูลจากโฆษกของแอร์โดอัน เมื่อวันจันทร์ (24)
แต่ทว่าในส่วนของคดีการสังหารนักข่าวซาอุฯ ทรัมป์ ยืนยันชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับซาอุฯ และเจ้าชาย มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารตามเดิม สวนทางกับออร์โดกันที่พยายามปลุกเร้านานาชาติให้หันมาใส่ใจคดีนี้ และพุ่งเป้าเอาผิดกับเจ้าชายซาอุฯ รายนี้ พร้อมอ้างว่าตุรกีมีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ไม่เคยเปิดเผยหลักฐานเหล่านั้นอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่ายังไม่ได้พิจารณาว่าจะส่งตัว ฟัตฮุลเลาะห์ กูเลน ที่ประธานาธิบดีตุรกีต้องการตัว หลังมีการปล่อยข่าวว่าทรัมป์จะส่งตัวเขาให้ตุรกีแลกกับการที่ให้ตุรกีเลิกไล่บี้เจ้าชายซาอุฯ
รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทรัมป์ ได้บอกกับผู้นำตุรกีขณะพบกันในการประชุม G20 ที่บัวโนสไอเรสว่า สหรัฐฯ กำลังหาวิธีเนรเทศ กูเลน กลับไปยังตุรกี แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรีบออกมาปฏิเสธทันควันว่าผู้นำสหรัฐฯ ไม่เคยรับปากเรื่องนี้