พม่าเผยตำรวจตาย 13 หลังกลุ่มติดอาวุธยะไข่โจมตี

กองทัพพม่าเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 13 นาย เสียชีวิตจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ยะไข่เมื่อวันศุกร์ (4) การประสานงานเข้าโจมตีที่เกิดขึ้นในวันชาติพม่า ที่เพิ่มมิติใหม่ต่อความขัดแย้งในพื้นที่ของรัฐยะไข่ 

สถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ดินแดนที่อยู่อาศัยของชาวโรฮิงญา ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่าน จากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังความมั่นคงพม่า และกลุ่มกองทัพแห่งชาติอาระกัน (AA) กลุ่มติดอาวุธของชาวยะไข่ที่เรียกร้องการปกครองตนเองในดินแดนของชาวโรฮิงญา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งเพิ่มความซับซ้อนและความอันตรายให้กับความรุนแรงในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเป็นอริต่อกันทั้งในทางศาสนา และชาติพันธุ์ ดังเช่นที่ส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายแสนคนต้องหนีตายข้ามแดนจากการปราบปรามอย่างรุนแรงของกองทัพพม่าในปี 2560

กองกำลังติดอาวุธราว 350 คน จากกองทัพอาระกัน(AA) เคลื่อนกำลังเข้าโจมตีสถานีตำรวจ 4 แห่ง ในตอนเหนือของรัฐยะไข่ช่วงเช้าวันศุกร์ (4) ที่ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 13 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 9 นาย ตามคำแถลงของกองทัพที่ออกในช่วงค่ำ

กองกำลังติดอาวุธได้ขโมยอาวุธ และกระสุนไปเป็นจำนวนมาก ก่อนที่กองทัพจะระดมกำลังโจมตีกลับด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี 2 ลำ และกำลังทหารอีกจำนวนหนึ่ง ตามคำแถลงที่ถูกส่งต่อกันบนเครือข่ายสังคมออนไลน์สัญชาติรัสเซีย

ด้านกองทัพอาระกัน(AA)ได้โพสเฟซบุ๊กในช่วงค่ำวันศุกร์ว่า นักรบฝ่ายตนถูกสังหาร 3 คน และมีบางส่วนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของกองกำลังพม่า

กองทัพอาระกันกล่าวกับ AFP ว่ากลุ่มได้ดำเนินการบุกโจมตี เนื่องจากทหารใช้สถานีตำรวจเป็นฐานสำหรับยิงปืนใหญ่

“กองทัพนำตำรวจเข้าสู่สงครามเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน” ข่าย ถู ข่า โฆษกกองทัพอาระกัน(AA)กล่าว และเสริมว่าพวกเขาถูกเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพโจมตีตลอดทั้งวัน

ในเวลาต่อมา กองทัพอาระกัน(AA)ได้ระบุว่า เชลยศึก 14 คน ที่กลุ่มจับกุมตัวไว้ระหว่างการปะทะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ

หน่วยงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติระบุเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า หน่วยงานรู้สึกวิตกกังวลต่อสถานการณ์ เนื่องจากส่งผลให้ประชาชนราว 2,500 คน ต้องพลัดถิ่น และหลายคนต้องพักอาศัยอยู่ตามวัดวาอาราม

ความคิดเห็น

comments