คนร.อนุมัติไอแบงก์ออกจากแผนฟื้นฟู หลังทำกำไรกว่า 500 ล้านบาทในรอบ 4 ปี ลั่น พร้อมพัฒนาระบบ Mobile Banking ตอบโจทย์ลูกค้าตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
นายวุฒิชัย สุระรัตน์ชัย ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)ได้พิจารณาเห็นชอบให้ไอแบงก์พ้นจากแผนฟื้นฟู เนื่องจากปัจจุบันฐานะทางการเงินของไอแบงก์มีความแข็งแกร่งแล้ว จากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 2561 โดยผลประกอบการมีกำไรที่สูงกว่าแผนงาน ถึงแม้ยังหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non Performing Finance: NPF)ระดับที่สูงกว่าแผนเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นการทำกำไรครั้งแรกหลังจากประสบปัญหาการขาดทุนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธนาคารมีการพัฒนากระบวนการและระบบงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการกำกับดูแล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการสร้างความยั่งยืนทางการเงินสู่การเติบโตของธนาคารในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2562 จึงได้มีมติให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ ออกจากแผนฟื้นฟูและออกจากกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร โดยมอบหมายให้ทางกระทรวงการคลังเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของธนาคารตามปกติต่อไป
นายวุฒิชัยกล่าวอีกว่า นับจากนี้ ธนาคารก็จะมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนยกระดับการให้บริการทางการเงินเพื่อสร้างความทัดเทียมในการให้บริการทางการเงินและเพิ่มความสะดวกสบาย โดยยังคงให้ความสำคัญ และยึดมั่นในพันธกิจในการให้บริการลูกค้ามุสลิม รวมทั้งพัฒนาบริการใหม่ๆ อย่าง Mobile Banking เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และสนองความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิเบื้องต้นกว่า 500 ล้านบาท (ณ สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2561) หลังจากขาดทุนมา 4 ปี ซึ่งหลังจากที่ธนาคารได้รับการเพิ่มทุนจำนวน 18,100 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ โดยกระทรวงการคลัง มีสัดส่วนที่ 99.59% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด