ซูจีอ้อนต่างชาติลงทุนในยะไข่ มองผ่านปัญหาโรฮิงญา

อองซานซูจี ผู้นำพม่าเรียกร้องให้มีการลงทุนในรัฐยะไข่ รัฐทางภาคตะวันตกของประเทศหลังปฎิบัติการทางทหารที่ทำให้ชาวโรฮิงญาที่อยู่ในพื้นที่ต้องอพยพหนีตายไปบังกลาเทศ อ้อนต่างชาติมองข้ามปัญหาโรฮิงญา วอนอย่ามองแต่ด้านลบ

ในการเยือนรัฐยะไข่ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักของซูจียังเน้นย้ำถึงการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ขณะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานแสดงการลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่น ที่ชายหาดงาปาลี เมืองท่องเที่ยวของรัฐยะไข่ ที่มีเจ้าหน้าที่พม่า เจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติ นักลงทุน และนักการทูตซึ่งส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และชาติต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วม

โดยซูจีกล่าวถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือหลายร้อยกิโลเมตรเพียงสั้นๆ และไม่ได้กล่าวถึงโรฮิงญา ที่หนีตายจากการปราบปรามของทหารพม่าไปยังบังกลาเทศ หรือแม้แต่ชาวโรฮิงญาและชาวมุสลิมอีกหลายแสนคนที่อยู่ยังคงถูกกักอยู่ในค่ายพักและหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐยะไข่ ที่ถูกจำกัดความเคลื่อนไหว และถูกกีดกันจากการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน

“เป็นเวลานานมากที่ความสนใจของประชาคมระหว่างประเทศมุ่งมองแต่ด้านลบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่ มากกกว่าภาพใหญ่ที่แสดงถึงศักยภาพของรัฐแห่งนี้ เพื่อสันติภาพและการพัฒนา” ซูจี กล่าวอ้าง

รัฐบาลยอมรับว่ามีความท้าทายใหญ่หลวงในรัฐยะไข่ และรัฐบาลกำลังพยายามอย่างหนักที่จะจัดการกับความท้าทายเหล่านั้น ซูจี กล่าว

ซูจียังได้ให้คำมั่นที่จะทำให้พม่าเป็นมิตรต่อการลงทุนมากขึ้น ในความพยายามของรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาการลงทุนจากต่างชาติและนักท่องเที่ยวจากตะวันตกลดลง นับตั้งแต่ปฎิบัติการทางทหารของพม่าต่อชาวโรฮิงญา ที่สหประชาชาติขนานนามว่าเป็นการกวาดล้างทางชาติพันธุ์

ภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติเมื่อปีที่ผ่านมาสรุปว่า การปราบปรามของทหารในปี 2560 มีเจตนาล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา

พม่ากล่าวว่า พม่าพร้อมที่จะรับผู้ลี้ภัยกลับนับตั้งแต่เดือนมกราคม แต่ทหารพม่าไม่รับรองความปลอดภัยต่อชาวโรฮิงญาที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดของตน

ขณะที่รายงานพิเศษของรอยเตอร์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ชี้ว่า ทางการพม่าได้สร้างบ้านใหม่สำหรับชาวพุทธในพื้นที่อยู่อาศัยของชาวโรฮิงญา หลังถูกทหารพม่าไล่ออกจากพื้นที่ ทำให้เป็นไปแทบไม่ได้ที่ชาวโรฮิงญาจะได้กลับยะไข่ และได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมของตน

ความคิดเห็น

comments