ระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาดได้เพิ่มระดับความรุนแรงในการโจมตีจังหวัดอิดลิปทางตอนเหนือของประเทศซึ่งมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 21,000 คนท่ามกลางหลักฐานที่เพิ่มขึ้นของการล่มสลายของข้อตกลงหยุดยิงโซชิ ของตุรกี-รัสเซีย-อิหร่าน
พลเรือนอย่างน้อย 41 คนรวมถึงเด็ก ๆ 13 คนถูกสังหารโดยการทิ้งระเบิดของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ด้วยการโจมตีทางอากาศโดยมีเป้าหมายที่หลายสิบเมืองทางตอนใต้ของอิดลิป และบางส่วนของจังหวัดฮามาที่อยู่ใกล้เคียง
MEMO รายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีเด็กหกคนถูกสังหารที่ Maarrat Al-Numan หลังจากกองกำลังบาชาร์โจมตีเมืองด้วยระเบิดดาวกระจาย(อาวุธต้องห้าม), กระสุนปืนใหญ่ และยังโจมตีเมือง Khan Sheikhoun ซึ่งเคยถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีในปี 2560ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน ประชาชนในพื้นที่อย่างน้อย 20 คนถูกสังหารในช่วง 10 วันที่ผ่านมาพร้อมกับอีกหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มอาสาสมัครกู้ภัย White Helmets ปฎิบัติงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ฝ่ายต่อต้านซีเรียนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล และช่วยพลเรือนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านที่ถูกทำลาย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงเข้าใส่โรงผลิตขนมปังใหญ่ที่สุดของเมือง ทำให้แป้งขนมปัง 80,000 ตัน ถูกเผา และการผลิตทั้งหมดต้องหยุดลง โรงผลิตขนมปังแห่งนี้ทำหน้าที่ในการผลิตขนมปังให้กับครอบครัวชาวซีเรีย 10,000 ครอบครัว
ประชาชนหลายหมื่นคนต้องหลบหนีออกจากบ้านพักของตนเอง และมุ่งหน้าไปบริเวณพรมแดนตุรกีเพื่อหลบหนีความรุนแรง
การเดินทางเพื่อลี้ภัยครั้งใหม่ทำให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านซีเรียต้องตอบโต้ด้วยการระดมยิงด้วยปืนใหญ่ในตำแหน่งทางทหารของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด จากชนบทจังหวัดฮามา ขณะที่การทิ้งระเบิดโจมตีเป้าหมายพลเรือนซีเรียยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้(อังคาร)
การเพิ่มความรุนแรงได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงของตุรกี, รัสเซีย และอิหร่านในโซซีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ข้อตกลงโซซีได้รับการยกย่องในการป้องกันการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบในจังหวัดภาคเหนือซึ่งมีประชากร 3.5 ล้านคนซึ่งหนึ่งในสามเป็นเด็ก ข้อตกลงได้สร้างเขตกันชนลึก 15 กิโลเมตรรอบภูมิภาคอิดลิป และบริเวณใกล้เคียงกับจังหวัดฮามา และอเลปโป เพื่อแลกกับการถอนอาวุธหนักจากฝ่ายต่อต้านซีเรีย
อย่างไรก็ตามระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ละเมิดข้อตกลงอยู่บ่อยครั้ง ประชาชนกว่า 300 คนรวมถึงพลเรือน 108 คนถูกสังหารจากเหตุรุนแรง การโจมตีด้วยปืนใหญ่ก็เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่การสู้รบของกลุ่ม Hayaat Tahrir Al-Shaam (HTS) ได้รวมการควบคุมเมืองภายใต้การปกครองของแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ (NLF) จากเมืองกลยุทธ์หลายแห่ง
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาตุรกี และรัสเซียได้ประกาศข้อตกลงที่จะใช้ “มาตรการเข้มงวด” เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอิดลิป หลังจากนั้นได้ประกาศการเริ่มต้นของการลาดตระเวนร่วมกันรอบ ๆ จังหวัดเพื่อบรรเทาความตึงเครียด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีตุรกี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน ยืนยันว่า“ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ” เกิดขึ้นกับตุรกีในเรื่องของอิดลิป และการเจรจาดังกล่าวยังดำเนินอยู่
“เราขอรับรองภูมิภาคอิดลิป อย่างสมบูรณ์ เรากำลังพูดคุยกับรัสเซีย และอิหร่านเพื่อดำเนินการดังกล่าว และเรามีความก้าวหน้าที่สำคัญ อย่างน้อยครึ่งล้านคนซีเรียกำลังรอที่จะกลับบ้านหลังพื้นที่อยู่อาศัยมีความปลอดภัย” ออโดกันกล่าวในการชุมนุมในจังหวัด Kahramanmars ทางตอนใต้ของตุรกี
อย่างไรก็ตามตุรกีได้หมกมุ่นอยู่กับการปรากฏตัวของกลุ่มเคิร์ด – กองทหารอาสาสมัครทางตะวันออกของยูเฟรติสโดยมีแผนที่จะเริ่มการโจมตีโดยได้รับการสนับสนุนปฎิบัติการภาคพื้นที่จากกองกำลังฝ่ายต่อต้านซีเรีย
องค์การสหประชาชาติและองค์กรช่วยเหลือได้เตือนซ้ำ ๆ ว่าการโจมตีอย่างรุนแรงในอิดลิป อาจจุดประกายให้เกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดของสงครามกลางเมืองในซีเรีย
A young girl, Aseel Qatran, is rescued alive but in critical condition following nearly two hours of intensive excavation by our #WhiteHelmets teams. Two cousins were also killed and the rest of her family is injured after the warplane airstrikes on #KhanSheikhoun city today. pic.twitter.com/RKoHuBMIe9
— The White Helmets (@SyriaCivilDef) February 26, 2019