คนขับรถนักเรียนอิตาลีที่มีเด็กๆ 51 อยู่บนรถ ก่อเหตุจุดไฟเผารถก่อนปล่อยเด็กหนีลงจากรถทั้งหมดเมื่อวันพุธ (20 มีนาคม) โดยอ้างว่าไม่พอใจนโยบายของรัฐที่ทำให้ผู้อพยพแอฟริกันต้องจมน้ำตายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เหตุระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นที่ชานเมืองมิลานของอิตาลี ขณะที่ตำรวจช่วยนักเรียนทั้ง 51 คนออกมาได้ทันก่อนที่ไฟจะลุกไหม้รถทั้งคัน
ตำรวจระบุว่า คนขับรถรายนี้มีชื่อว่า อุสเซนู ซีย์ (Ousseynou Sy) เป็นพลเมืองอิตาลีเชื้อสายเซเนกัล อายุ 47 ปี
มาร์โก พัลมิเอรี โฆษกตำรวจอิตาลี แถลงว่า คนร้ายได้ตะโกนใส่ตำรวจหลังถูกจับกุมว่า “อย่าปล่อยให้มีคนจมน้ำตายอีก ไม่งั้นผมจะฆ่าให้ตายหมู่เลย”
สื่ออิตาลีเผยคลิปวิดีโอขณะที่คนร้ายขับรถบัสพุ่งชนรถยนต์หลายคันบนถนนไฮเวย์ก่อนที่จะจุดไฟขึ้น ทำให้เด็กๆ หลายคนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด และส่งเสียงตะโกนบอกเพื่อนว่า “หนีเร็ว”
นักเรียนคนหนึ่งเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คนขับขู่จะเอาน้ำมันมาราดใส่และจุดไฟเผาพวกเขาทั้งเป็น
ขณะเกิดเหตุได้มีนักเรียนคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่มาถึงจุดเกิดเหตุและทุบกระจกรถช่วยทุกๆ คนออกมาได้อย่างปลอดภัย
นักเรียนบางส่วนถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการฟกช้ำดำเขียว ขณะที่บางคนก็ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่โฆษกตำรวจยืนยันว่าไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส
เด็กหญิงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า คนขับรถได้กล่าวโทษ มัตเตโอ ซัลวินี และ ลุยจิ ดิ ไมโอ รองนายกรัฐมนตรีสองคนของอิตาลี ว่าเป็นต้นเหตุทำให้ผู้อพยพแอฟริกันต้องจมน้ำตายในทะเล
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีผู้อพยพราว 2,297 คนเสียชีวิตหรือสูญหายขณะพยายามล่องเรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรปในปี 2018
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงลิเบียเผยเมื่อวันอังคาร (19) ว่า มีผู้อพยพอย่างน้อย 10 คนเสียชีวิตจากเหตุเรือล่มที่นอกชายฝั่งใกล้ๆ กับเมืองซาบราธา
รัฐบาลอิตาลีห้ามไม่ให้เรือกู้ชีพของมูลนิธิต่างๆ ที่ออกไปช่วยเหลือผู้อพยพนอกชายฝั่งลิเบียเข้ามาจอดเทียบท่า โดย ซัลวินี ระบุว่ามาตรการเช่นนี้จะช่วยลดการเสียชีวิตทางอ้อม เพราะทำให้ผู้อพยพส่วนใหญ่ไม่กล้าล่องเรือข้ามทะเลมาอีก ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนเตือนว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีเรือออกไปค้นหาและช่วยชีวิตผู้ลี้ภัยอีกแล้ว