ทำเนียบขาวป้องทรัมป์ หลังปล่อยคลิปต้าน ส.ส.มุสลิมะห์

ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ออกมาแก้ตัวแทนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งถูกครหาว่ายุยงปลุกปั่นให้เกิดการปองร้ายต่อ ส.ส.หญิงมุสลิม หลังจากที่เขาทวีตคลิปวิดีโอตัดต่อ นำคำพูดของเธอมาเชื่อมโยงกับภาพเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อปี 2001 เพื่อปลุกระดมต่อต้าน ส.ส.มุสลิมที่คลุมฮิญาบเข้าสภาสหรัฐฯ

ท่าทีของทำเนียบขาวต่อกรณีของ ส.ส.อิลฮาน โอมาร์ มีขึ้น หลังจาก แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่ โอมาร์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ ทรัมป์ ลบคลิปดังกล่าวทิ้ง

โอมาร์ ซึ่งเป็น ส.ส.หญิงชาวมุสลิมคนแรกของสหรัฐฯ ที่คลุมฮิญาบเข้าสภาพ ตกอยู่ท่ามกลางการต่อต้านจากผู้นำสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังมีการแพร่คลิปวิดีโอที่ตัวเธอเอ่ยถึงเหตุวินาศกรรม 9/11 ว่า “มีใครบางคนทำบางสิ่ง” 

เมื่อวันศุกร์ที่ (12) ผ่านมาทรัมป์ ได้ทวีตคลิปวิดีโอซึ่งนำคำปราศรัยของ โอมาร์ มาตัดต่อเข้ากับภาพเหตุการณ์ 9/11 ขณะที่เครื่องบินโดยสาร 2 ลำพุ่งชนอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์ก และมีการใส่เสียงดนตรีน่ากลัวประกอบคำพูดของ โอมาร์

คลิปตัดต่อปลุกระดมสร้างความเกลียดชังของผู้นำสหรัฐฯ ขวัญใจกลุ่มก่อการร้ายผิวขาวรายนี้มีผู้คลิกชมมากกว่า 9.4 ล้านครั้งเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ (14) จบด้วยคำลงท้ายว่า “11 กันยายน 2001 เรายังจดจำ”

ส.ส. พรรคเดโมแครต เช่น เบโต โอรอร์ค, คามารา แฮร์ริส และ อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ซึ่งเป็น ส.ส. หญิงสมัยแรกเช่นเดียวกับ โอมาร์ ได้ออกมาปกป้องเพื่อนร่วมพรรค โดยระบุว่าประธานาธิบดี และพรรครีพับลิกันจงใจดึงคำพูดของ โอมาร์ มาโจมตีโดยไม่แคร์บริบท ซึ่งทำให้เธอเสี่ยงได้รับอันตราย

อย่างไรก็ตาม แซนเดอร์ส ได้ให้สัมภาษณ์ในรายงาน This Week ทางสถานีโทรทัศน์ ABC อ้างว่า“ท่านประธานาธิบดีไม่ได้มีเจตนาร้าย และแน่นอนว่าไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรงกับใครทั้งสิ้น”

นอกจากปกป้องผู้นำแล้ว แซนเดอร์ส ยังได้กล่าวหาว่า “สิ่งที่เธอ (โอมาร์) พูดมาโดยตลอดเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยง ทว่า (พรรคเดโมแครต) กลับทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่… ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เธอพูดช่างน่าอับอายและไม่คู่ควรกับคนที่เป็นสมาชิกสภาคองเกรส และดิฉันเชื่อว่าประธานาธิบดีทำถูกต้องแล้วที่ตั้งคำถามกับถ้อยคำเหล่านั้น แต่คำถามสำคัญก็คือ ทำไมพรรคเดโมแครตจึงไม่ทำแบบเดียวกันบ้าง”

เพโลซี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจได้ออกคำแถลงเรียกร้องให้ ทรัมป์ ลบคลิปดังกล่าวเสีย

“หลังจากการทวีตของประธานาธิบดี ดิฉันได้หารือกับตำรวจรัฐสภาแล้วเพื่อให้พวกเขาช่วยประเมินเรื่องความปลอดภัย และคุ้มกัน ส.ส.โอมาร์, ครอบครัว ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของเธอ” เพโลซี ระบุ

“คำพูดของประธานาธิบดีมีน้ำหนักมาก และการใช้ถ้อยคำยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังเช่นนี้ถือเป็นอันตรายอย่างจริงจัง ประธานาธิบดี ทรัมป์ จะต้องถอดคลิปวิดีโอที่ดูหมิ่นเหยียดหยามและอันตรายนั้นทิ้งเสีย” 

ด้าน โอมาร์ ก็ได้ออกมาระบุทางทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ (13) โดยระบุว่า “ไม่มีใครจะมาบ่อนทำลายความรักที่ดิฉันมีต่อแผ่นดินอเมริกาได้ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคดโกง ไร้ความสามารถ หรือเลวทรามแค่ไหนก็ตาม” 

ทรัมป์ปล่อยคลิปตัดต่อเพื่อปลุกระดมสร้างความเกลียดชังในชาติครั้งนี้มีขึ้น หลัง โอมาร์ ได้ไปกล่าวปราศรัยเป็นเวลา 20 นาทีต่อสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (CAIR) หลังเกิดเหตุกราดยิงมัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชของนิวซีแลนด์เมื่อเดือนที่แล้ว

“พวกเราใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนพลเมืองชั้นสองมานานเหลือเกินแล้ว และพูดตรงๆ ว่าดิฉันรู้สึกเหนื่อยหน่าย และมุสลิมทุกคนในประเทศนี้ก็ควรจะรู้สึกเหมือนกัน” 

“CAIR ถูกก่อตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ 9/11 เพราะพวกเขาตระหนักว่ามีใครบางคนทำบางสิ่ง และพวกเราทุกคนเริ่มที่จะสูญเสียเสรีภาพพลเมืองไป” 

คำปราศรัยของ โอมาร์ ไม่ได้รับความสนใจมากนักในช่วงแรกๆ กระทั่งถูก โมฮัมหมัด เตาฮิดี ผู้นำชีอะห์ในออสเตรเลียซึ่งอ้างตัวเป็น “อิหม่ามแห่งสันติภาพ” นำไปเผยแพร่ขยายความในอีกหลายสัปดาห์ให้หลัง

ความคิดเห็น

comments