อิรักกำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาวที่ชุ่มฉ่ำช่วยพลิกฟื้นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ทั้งแม่น้ำและทะเลสาบ บรรเทาภาวะขาดแคลนน้ำรุนแรงในอิรักช่วงสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ฝนแล้ง และร้อนจัดมานานหลายปี
ฝนตกช่วยฟื้นฟูแหล่งน้ำจืดทางภาคใต้และเปลี่ยนผืนดินที่เคยแห้งแล้งให้กลับมาเป็นพื้นที่ปลูกข้าวและธัญพืชได้
แต่อีกด้านหนึ่งคือการที่ฝนตกหนักในฤดูหนาวอิรักช่วงเดือนเมษายน ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่และทำลายพืชผลเสียหาย กลายเป็นปัญหาท้าทายรัฐบาลซึ่งตามปกติแล้วจะคุ้นเคยกับการจัดการปัญหาขาดแคลนน้ำมากกว่าปัญหาน้ำท่วม
ฝนตกหนักและหิมะละลายจากตุรกีและอิหร่านทำให้แม่น้ำในอิรักมีน้ำท่วมจากทางเหนือเข้าสู่พื้นที่ภาคตะวันออกและใต้ รวมทั้งในเมืองโมซูลและกรุงแบกแดด
โดยร้อยละ 70 ของกระแสน้ำที่ไหลเข้ามาในอิรักมาจากประเทศเพื่อนบ้านสู่แหล่งน้ำต่างๆเพื่อหล่อเลี้ยงประชาชนและภาคการเกษตร
น้ำท่วมได้สะท้อนถึงปัญหาโครงสร้างพื้นฐานมากมายของประเทศ และตั้งคำถามว่าโครงสร้างพื้นฐานในศตวรรษที่ 20 ของอิรักสามารถปรับให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศในศตวรรษที่ 21 ที่ไม่สามารถคาดเดาได้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี Adel Abdul-Mahdi กล่าวว่าจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายน้ำเพื่อเตรียมรับเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น
ฝนก่อให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนโยบายเนื่องจากสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้อาจนำไปสู่ความแห้งแล้ง และน้ำท่วม