เจ้าหน้ากล่าวว่าชาวมุสลิมกว่าแสนคนรวมทั้งจากเวสต์แบงก์ร่วมละหมาดญุมอัตอย่างสงบที่มัสยิดอัล-อักซอ ในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อวันศุกร์(10 พฤษภาคม) ซึ่งเป็นวันศุกร์แรกของเดือนรอมฎอนที่สำคัญของศาสนาอิสลาม
องค์กร Waqf ในกรุงเยรูซาเล็มซึ่งดูแลพื้นที่อัล-อักซอคาดว่ามีผู้ร่วมละหมาด 180,000 คนสูงกว่าปีที่แล้ว 50% ที่ประมาณ 120,000 คน
Azzam al-Khatib ผู้อำนวยการทั่วไปของ Waqf กล่าวกับ AFP ว่าฝูงชนมาถึงพื้นที่ “แม้จะมีจุดตรวจ และการรักษาความปลอดภัยขนาดใหญ่” การละหมาดสิ้นสุดลงโดยไม่มีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ
ไทม์ออฟอิสราเอลรายงานว่าตำรวจอิสราเอลระบุว่าได้วางกำลังเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน และตำรวจชายแดน “ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ละหมาดหลายหมื่นคนสามารถไปที่มัสยิดได้ และในเวลาเดียวกันก็ป้องกันเหตุการณ์ตางๆ ตลอดทั้งวัน”
มัสยิดอัล-อักซอเป็นสถานที่สำคัญอันดับ 3 ในศาสนาอิสลาม และตั้งอยู่บนยอดเขาเทมเพิลซึ่งยิวอ้างว่าเป็นที่ตั้งของวัดชาวยิวโบราณ มันมักจะเป็นจุดปะทะที่สำคัญในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
ช่างภาพ AFP รายงานว่าที่จุดตรวจ Qalandiya ระหว่างเยรูซาเล็ม และเวสต์แบงก์เห็นชาวปาเลสไตน์หลายพันคนรวมถึงผู้สูงอายุในเก้าอี้ล้อเลียนเพื่อรอเข้าไปยังมัสยิดตั้งแต่เช้าวันศุกร์
การประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์และอิสราเอลได้ปรับปรุงที่จุดตรวจในปีนี้ AFP รายงานว่ามันทำให้การเข้าถึงกรุงเยรูซาเล็มง่ายขึ้น
นี่เป็นสาเหตุหลักมาจากอิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานที่จุดข้ามที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเวสต์แบงก์ และเยรูซาเลม
IDF กล่าวว่ามีผู้คนกว่า 75,000 คนจากเวสต์แบงก์ข้ามแดนมาเพื่อละหมาด
ข้อจำกัด ของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์จากฝั่งเวสต์แบงก์ถูกปลดเปลื้องในช่วงเดือนรอมฎอนซึ่งเริ่มขึ้นในวันจันทร์(6 พฤษภาคม)
ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปีและเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองในวันศุกร์ในช่วงรอมฎอนในขณะที่ไม่มีข้อจำกัด สำหรับผู้หญิง ตามประกาศของกองทัพอิสราเอล
อิสราเอลอ้างว่ากรุงเยรูซาเล็มทั้งหมดเป็นเมืองหลวงของตน ในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ระบุว่าเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์