นักการทูตเปิดเผยว่า คูเวต เบลเยียม เยอรมนี ได้ยื่นขอนัดประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหารือสถานการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่หลบภัยของครามของพลเรือนชาวซีเรียนับล้านคน
กองกำลังติดอาวุธของระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด และเครื่องบินรบของรัสเซีย ระดมโจมตีที่มั่นของพลเรือนในเขตอิดลิบตั้งแต่ปลาย 26 เมษายน ทำให้ประชาชนชาวซีเรียต้องหนีตายขึ้นไปทางเหนือใกล้พรมแดนตุรกี
สำหรับการประชุมดังกล่าวคาดว่าจะมีขึ้นภายในสัปดาห์นี้ ต่อเนื่องกับการประชุมแบบปิดของคณะมนตรีความมั่นคงในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าหลายประเทศจะแสดงความกังวลต่อวิกฤตด้านมนุษยธรรมในซีเรีย
เบลเยียม เยอรมนี และคูเวตซึ่งเป็นสามประเทศสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เป็นแกนนำในการผลักดันให้ตระหนักถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมในซีเรียซึ่งอยู่ในภาวะสงครามมา 9 ปีแล้ว
จากรายงานของเครือข่ายซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน (SNHR) พบการโจมตีมีเป้าหมายใน ‘พื้นที่ลดความรุนแรง’ ที่รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้รับประกันความปลอดภัย แต่ทว่าระบอบอัสซาด และกองกำลังรัสเซียกลับสังหารพลเรือนไปแล้ว 169 คนรวมถึงเด็ก 39 คนและผู้หญิง 38 คน นับตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนถึง 13 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
SNHR รายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาการโจมตีของระบอบอัสซาด และกองกำลังรัสเซียมีเป้าหมายถล่มอย่างน้อย 9 มัสยิดในจังหวัด Idlib และ Hama ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนรอมฎอน นอกจากนี้ยังได้โจมตีโรงเรียน 24 แห่งและศูนย์การแพทย์ 12 แห่งในในช่วงระหว่างวันที่ 26 เมษายนถึง 9 พฤษภาคมด้วย
การทิ้งระเบิดโจมตีที่มุ่งทำลายเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียมุ่งเป้าไปที่ศูนย์ป้องกันพลเรือน, โรงพยาบาล, มัสยิด และโรงเรียน SNHR รายงานเพิ่มเติมว่าการโจมตีดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อทำลายการดำเนินชีวิตอย่างอิสระในพื้นที่ที่ปลอดภัยของซีเรีย