คณะรัฐมนตรีอิสราเอลมีมติเมื่อวันอาทิตย์ให้เปลี่ยนชื่อนิคมชาวยิวเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนที่ราบสูงโกลันเป็นชื่อของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเพียงฝ่ายเดียวในการรับรองว่าอิสราเอลมีอธิปไตยเหนือที่ราบสูงโกลันของชาวซีเรีย
นิคมดังกล่าวเดิมชื่อว่า บรูชิม ตั้งมานานกว่า 30 ปีแล้วและมีชาวยิวอาศัยอยู่เพียง 10 คน ทางการหวังว่าการเปลี่ยนชื่อนิคมเป็นรามัตทรัมป์ เป็นภาษาฮีบรูแปลว่าที่ราบสูงทรัมป์จะส่งเสริมให้คนอพยพเข้ามามากขึ้นเพื่อขยายขนาดนิคมให้ใหญ่ขึ้น
นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮูกล่าวในพิธีเปิดตัวนิคมว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นมิตรที่ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล ส่วนที่ราบสูงโกลันเป็นทรัพย์สินสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศ จึงเป็นส่วนที่ไม่สามารถแยกจากอิสราเอลและมาตุภูมิของอิสราเอลได้
ขณะที่นายเดวิด ฟรีดแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอลกล่าวระหว่างร่วมพิธีว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 73 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน จึงถือเป็นของขวัญวันเกิดที่เหมาะสมและสวยงาม
นายฟรีดแมนกล่าวด้วยว่า มีไม่กี่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความมั่นคงของรัฐอิสราเอลนั่นคืออธิปไตยถาวรเหนือที่ราบสูงโกลัน เป็นเรื่องชัดเจนที่ไม่สามารถโต้เถียงได้และอยู่เหนือการโต้เถียงทุกอย่าง
ทั้งนี้อิสราเอลใช้กำลังยึดครองที่ราบสูงโกลันมาจากซีเรียในสงครามหกวันปี 2510 และผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลในปี 2524 แต่มติที่ 242 ของสหประชาชาติระบุว่าดินแดนส่วนดังกล่าวเป็นของซีเรีย ชาติต่างๆ ในโลกชี้ว่าอิสราเอล และสหรัฐฯทำผิดกฎหมายสากล
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งบริหารระหว่างต้อนรับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูมาเยือนในเดือนมีนาคม รับรองว่าเป็นดินแดนของอิสราเอล
ข้อมูลของทางการอิสราเอลระบุว่า มีคนอาศัยอยู่บนที่ราบสูงโกลันเกือบ 50,000 คน เป็นชาวยิวอิสราเอล 22,000 คน และชาวอาหรับเกือบ 25,000 คน