อินเดียรุกหนักแคชเมียร์ ยกเลิกเขตปกครองพิเศษ ขนทหารนับหมื่นเข้าพื้นที่

คำสั่งประธานาธิบดีอินเดียออกมาในวันจันทร์(5 สิงหาคม)ประกาศยกเลิกการเป็นเขตปกครองพิเศษแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ แต่สั่งให้แบ่งแคว้นออกเป็น 2 ส่วนและให้ขึ้นตรงต่อรัฐบาลอินเดียเท่านั้น พร้อมส่งกองกำลังทหารนับหมื่นเข้าพื้นที่ ในขณะที่คนในพื้นที่ถูกตัดสัญญาณอินเตอร์เนต และโทรศัพท์

ในเวลานี้แคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ถูกปิดตายมีการตัดสัญญาณอินเตอร์เนตและโทรศัพท์ รวมไปถึงการประกาศห้ามการชุมนุม และโรงเรียนถูกปิด นักการเมืองชื่อดังในพื้นที่ถูกสั่งกักบริเวณ

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า ช่วงค่ำวันอาทิตย์ (4) โอมาร์ อับดุลลาห์ (Omar Abdullah) อดีตมุขมนตรีแคว้นจัมมูและแคชเมียร์กล่าวว่า เขาเชื่อว่าตัวเองถูกกักบริเวณอยู่ภายในบ้านพัก และเสริมต่อว่าบรรดาแกนนำทางการเมืองกระแสหลักที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับพรรคพรรคภารตียชนตา BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เชื่อว่าถูกกักบริเวณเช่นกัน

เอพีรายงาน รัฐมนตรีมหาดไทยอินเดีย อมิต ชาห์ (Amit Shah)แถลงกลางรัฐสภาในวันจันทร์(5)ประกาศความเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกสถานะพิเศษปกครองตนเองของแคว้นจัมมูและแคชเมียร์ ซึ่งแถลงการณ์ของรัฐมนตรีจากกลุ่มชาตินิยมฮินดูรายนี้ออกมาหลังจากการประชุมคณะครม.ของโมดีเสร็จสิ้นซึ่งอ้างว่าเพื่อ

การประกาศยกเลิกสถานภาพพิเศษของแคชเมียร์เกิดขึ้นภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีอินเดีย ราม นาถ โกวินท์ โดยในตัวประกาศระบุว่าจะมีผลบังคับใช้ในทันที 

เอเอฟพีรายงานว่า รัฐมนตรีมหาดไทย ได้แถลงต่อรัฐสภาอินเดียว่า ประธานาธิบดีได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกกฎหมายมาตรา 370 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญอินเดียซึ่งให้สถานภาพพิเศษการปกครองอินเดียแห่งแคว้นหิมาลัย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียได้ออกมาให้ข้อมูลกับสำนักข่าวเอพีว่า คำสั่งทางประธานาธิบดีจะได้รับการบังคับใช้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรอินเดียแล้วเท่านั้นซึ่งใมเวลานี้พรรค BJP ของโมดีครองเสียงข้างมาก

รัฐมนตรีมหาดไทยอินเดีย ยังกล่าวต่อว่า เขาจะเสนอกฎหมายปรับโครงสร้างแคว้นจัมมูและแคชเมียร์(Jammu and Kashmir Reorganization Bill) ซึ่งหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านจะทำให้แคว้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ดินแดนคือจัมมูและแคชเมียร์ที่จะมีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และลาดาคห์( Ladakh) ที่จะถูกปกครองโดยตรงจากรัฐบาลอินเดียโดยไม่มีผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งของตัวเอง 

ปัจจุบันนี้แคว้นจัมมูและแคชเมียร์ประกอบไปด้วย 3 ภูมิภาคใหญ่ได้แก่ จัมมูที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม แคชเมียร์มีประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และลาดาคห์ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ

ซึ่งก่อนการประกาศคำสั่งยกเลิกสถานพิเศษ เอเอฟพีรายงานว่านิวเดลีได้ส่งกำลังทหารหลายหมื่นคนเข้าพื้นที่ และมีการออกคำสั่งเคอร์ฟิวใช้เมื่อคืนวันอาทิตย์(4)ปิดตายทั้งเมือง 

เดอะการ์เดียนรายงานว่า หลังคำสั่งออกมาในวันจันทร์(5) สื่ออินเดียต่างรายงานว่า มีการส่งกำลังไปเพิ่มเติมอีก 8,000 นาย

เอเอฟพีรายงานอีกว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดของนิวเดลีสร้างความไม่พอใจให้แก่ปากีสถาน โดยกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานออกมาประณามว่า “เป็นความเคลื่อนไหวผิดกฎหมาย”

พร้อมกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ในฐานะที่เกี่ยวข้องกับเขตพิพาทระหว่างประเทศนี้ ปากีสถานจะใช้ทุกช่องทางเพื่อตอบโต้มาตรการที่ผิดกฎหมาย” 

ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ชาห์ มาห์มู๊ด คูเรสชี (Shah Mahmood Qureshi) ที่อยู่ในระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์ที่ซาอุดีอาระเบียในเวลานี้ออกมาประกาศว่า ทางปากีสถานจะเพิ่มระดับความพยายามทางการทูตในการป้องกัยไม่ให้คำสั่งสามารถถูกบังคับใช้

ทั้งนี้แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางความมั่นคงปากีสถานให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า มีการประชุมของเจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูงเกิดขึ้นในวันจันทร์(5)

กัฟนิวส์รายงานว่านายกรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน ของปากีสถานออกมาเรียกร้องเมื่อวันจันทร์(5)ระบุว่าการที่อินเดียเพิกถอนมาตรา 370 เป็นการกระทำที่ “ผิดกฎหมาย” และจะ “ทำลายสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค” พร้อมชี้ว่าเป็น “การละเมิดมติของสหประชาชาติ”

“การเคลื่อนไหวของอินเดียจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านนิวเคลียร์ มีความสามารถลดลง” อิมรอน ข่าน กล่าว

ขณะที่ทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี Arif Alvi ระบุว่า “ความพยายามของอินเดียในการเปลี่ยนสถานะของจัมมูและแคชเมียร์ที่ถูกครอบครองโดยชาวอินเดียนั้นขัดต่อมติของ UNSC และต่อต้านความต้องการของประชาชนชาวแคชเมียร์”

“ปากีสถานให้การสนับสนุน และยืนยันในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติตามความปรารถนาของชาวแคชเมียร์ และยืนหยัดอยู่กับพวกเขาในเวลาที่ต้องการ” เขากล่าวในทวีต

ความคิดเห็น

comments