นราฯ พัฒนาศักยภาพสตรี ก้าวสู่ยุค 4.0

จังหวัดนราธิวาสเดินหน้าส่งเสริมพัฒนาศักยภาพบทบาทสตรี เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ สตรีไทยก้าวไกลไทยแลนด์ 4.0

เมื่อวันพฤหัสบดี (19 กันยายน) ที่สวนอาหารริมน้ำ ตำบลบางนาคอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นาวาตรีหญิง โนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพบทบาทสตรีจังหวัดนราธิวาส เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยมีนายไกรวุฒิ ช่วยสถิตย์. พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส นางสาววริษา แก้วเหมือน ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารยุทธศาสตร์ กลุ่มสตรีจาก 13 อำเภอกว่า 500 คนร่วมโครงการทั้งนี้ในปัจจุบันบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงหรือสตรีไทย มีความสำคัญมากขึ้นกว่าใน อดีตที่ผ่านมา ทั้งในทางเศรษฐกิจสังคมและการเมืองสตรีมิใช่มีบทบาทเป็นเพียงภรรยาและมารดาที่มีหน้าที่เพียงแค่รับผิดชอบงานบ้านและเลี้ยงดูบุตรเท่านั้น มีสตรีจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้ความสามารถและประกอบหน้าที่การงานในตำแหน่งระดับสูงเช่นเดียวกับผู้ชาย สตรีจึงเป็นทรัพยากรและเป็นกำลังสำคัญในการที่จะผลักดันและพัฒนาสังคมประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไป

ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดนราธิวาส คือ องค์กรสตรีระดับจังหวัดที่กรมการพัฒนาชุมชนสนับสนุนจัดตั้งขึ้นอมาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสตรี พ.ศ.2538 เป็นองค์กรหรือคณะทำงาน ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้นำขับเคลื่อนการดำเนินงานต่างๆของคณะกรรมการสตรีทั้งในระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับอำเภอในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดนราธิวาส จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพบทบาทสตรีจังหวัดนราธิวาส พื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพประจำงบประมาณพ.ศ.2562 ขึ้นเพื่อให้ผู้นำ และกลุ่มสตรีตัวแทนทั้ง 13 อำเภอในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสได้มีการพัฒนาศักยภาพของตนเอง เป็นที่ยอมรับของสังคม

โดยการสร้างความชื่อมั่นให้บุคคลดังกล่าวมีความเข้มแข็งเป็นพลังสำคัญให้บรรลุตามเป้าหมายลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ผู้นำและกลุ่มสตรีเกิดทัศนคติที่ดีในการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการบริหารงานและเป็นต้นแบบที่ดีในการทำงานร่วมกัน พื่อขยายผลแก่กลุ่มสตรีอื่นๆซึ่งเป็นโครงการที่ตอบสนองประเด็นยุทธศาสตร์กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมฯพัฒนาศักยภาพสตรีและพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไปในอนาคต

ด้านนางคอสหม๊ะ แลแมแน อายุ 55 ปี ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป  กล่าวว่า ตัวเองได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงในเขตชายแดนภาคใต้โดยสามีถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2557 ต้องสูญเสียสามีอันเป็นเสาหลักของครอบครัว และยังต้องเลี้ยงลูก แต่สามารถผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ด้วยความเข้มแข็ง ทั้งจากการช่วยเหลือเยียวยาของรัฐ ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพบทบาทสตรีให้ความช่วยเหลือในเรื่องของกองทุนกู้ยืมในการกู้เงินเพื่อประกอบอาชีพอีกด้วย

ภาพ/ข่าว ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส

ความคิดเห็น

comments